วันศุกร์

บทที่ 4 Attraction Marketing !?!

Attraction Marketing ชื่อก็บอกแล้วนะคะ ว่าเป็นการทำการตลาดแบบดึงดูด แล้วเราจะดึงดูดอะไรล่ะ... นี่งัยคะ
- การที่คุณจะได้คนหลั่งไหลเข้าเวปของคุณโดยที่คุณไม่เสียเงินทำการโปรโมตกับเวปอะไรเลย
- การที่คุณจะได้คนสนใจมาเข้าร่วมโดยที่คุณไม่ต้องวุ่นวาย กระหน่ำโทรหาใคร เพราะเขาจะวิ่งมาหาคุณเอง
- การที่คุณจะมีคนสมัครโดยไม่ต้องเสียเวลาโน้มน้าวใคร หน้าที่ของคุณคือสมัครเขาเท่านั้น แถมคนเหล่านั้นยังแย่งกันที่จะเป็นต้นสายกับคุณด้วย
- คุณจะถูกเปลี่ยนจากผู้ไล่ล่า (ที่แสนจะไม่ชอบ) มาเป็นผู้ถูกล่า ขอมาทำด้วย
- คุณจะเปลี่ยนบริบทจากการเป็นผู้ถูกปฎิเสธของคนที่คุณไล่ล่า มาเป็นคุณที่จะเป็นผู้คนปฎิเสธคนที่คุณคิดว่าเค้ายังไม่ใช่

แล้วสิ่งที่กล่าวมานี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงเหรอ?? ถ้ามีจริงก็ดีสิ? คุณกำลังคิดแบบนั้นใช่มั๊ยคะ เพราะคุณเองก็ทั้งเหนื่อยกับการโทรตามจิกคน ท้อกับการถูกปฎิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ข่าวดีก็คือ ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วค่ะ และจะเป็นแสงไฟสปอร์ตไลท์ส่องทางให้กับคนทำธุรกิจเครือข่ายจริงๆ

จากที่ได้เกริ่นนำมาข้างต้น คุณคงได้เข้าใจไอเดียของการตลาดแบบดึงดูดที่จะเข้ามาแทนรูปแบบการทำตลาดเครือข่ายแบบเดิมๆที่ไล่คนออกจากชีวิตไปแล้วนะคะ

สิ่งสำคัญต่อไปนี้คือวิธีการของระบบการตลาดแบบดึงดูดล่ะค่ะ ซึ่งระบบนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของตัวคุณเองทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนที่สนใจในเครือข่ายที่จะมาเข้าร่วมกับคุณด้วย

ลองดูตัวอย่างนี้นะคะ ถ้าหากคุณกำลังจะทำธุรกิจเครือข่ายสักตัวกับคน 2 ประเภท ที่ทำเครือข่ายอันเดียวกัน คนที่1 มีความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์เลย กับอีกคนเป็นคนที่ทำการตลาดเครือข่ายทั่วๆไป ที่ทำตามที่ปรึกษาแนะนำ (ที่มักจะพูดเสมอว่าก็อปปี้ที่ปรึกษา!!)

คุณว่าคุณจะเลือกทำกับใคร แน่ๆใช่ไหมคะว่าคุณจะเลือกทำกับคนที่เป็นปรมาจารย์คนนั้น ซึ่งคนอื่นก็เหมือนกันกับคุณนั่นแหละค่ะ ทุกๆคนจะเลือกทำตามคนที่เขามั่นใจว่าจะนำพาเขาสู่ความสำเร็จ และแทบทุกคนจะเลือกคนเป็นผู้นำเสมอ สองประเด็นนี้คือหัวใจของการตลาดแบบดึงดูด ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่คุณควรสร้าง ไม่ใช่ความเชื่อมั่นในตัวบริษัทหรือแผนการตลาดเพียงอย่างเดียว ความเชื่อมั่นของคนอื่นต่อตัวคุณเองนั้นสำคัญที่สุดค่ะ ดังนั้นหยุด!!!โฆษณาโอกาสทางธุรกิจกันเสียทีเถอะค่ะ เพราะคุณก็จะเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ที่ทำเครือข่ายที่พากันไปทำโฆษณาขยะตามเวปต่างๆ แต่คุณควรต้องมุ่งโปรโมตความเป็นมืออาชีพของตัวคุณเอง มุ่งการพัฒนาความเป็นมืออาชีพของตัวเอง เปลี่ยนบริบทของคุณจากการเป็นผู้ล่า ให้เป็นผู้ถูกล่าที่มีคนถวิลหาอยากจะเจอ คราวนี้คุณจะเข้าสู่ระบบการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing แบบเต็มตัว

คราวหน้าเราจะมาเรียนรู้ว่า Attraction Marketing จะเข้ามาเป็นส่วนประกอบอย่างไรในธุรกิจของคุณและมีส่วนไหนบ้างที่จะเสริมธุรกิจของคุณได้

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านบทความจนจบนะคะ หวังว่าบทความนี้น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่ทำเครือข่าย หรือแม้แต่ธุรกิจอื่นๆ และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในธุรกิจของคุณเองให้สำเร็จยิ่งขึ้น เปลี่ยนมุมมองของคุณและคนอื่นๆกับธุรกิจเครือข่ายกันเสียใหม่เข้า ดูตัวอย่างระบบ Attraction Marketing บางส่วนได้ที่นี่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com ค่ะ

บทที่ 3 ทำไม (ต่อ) ถึงเครือข่าย

หลังจากทำงานจยอิ่มตัว ประกอบกับมีครอบครัว ลองมาถามตัวเองกันดูว่า สิ่งที่เราๆ ทำกันอยู่ทุกวันนั้น เพื่ออะไร? ยอมรับกันดีกว่า ก้อเพื่อสร้างกระแสเงินสด ไว้ซื้อหา (สนอง)ความต้องการต่างๆ ของเราเองนั่นแหละ

เด็กๆคุณอาจจะอยากได้แค่ตุ๊กตา, รถแข่ง, เกมส์คอมพิวเตอร์ พอคุณโตขึ้นคุณก้อเปลี่ยนมันเป็น โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ คอมพิวเตอร์เจ๋งๆ รถแรงๆ บ้านงามๆ ใช่มั๊ยคะ

ที่นี้ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงและดันตัวเองให้คนรอบๆตัว (เช่นเจ้านาย) เห็นศักยภาพที่ของคุณที่คุณว่าคุณมีนะ มีจริงๆ มีมากมายจนควรจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและกินเงินเดือนได้ถึงจุดสูงสุดของสิ่งที่คุณทำอยู่ได้ ... ทุกคนหรอกใช่ไหมคะ

ถึงเวลาที่คุณจะมองทางเลือกอื่นบ้างแล้วล่ะ ลองดูในอินเตอร์เนท อุปกรณ์พื้นฐาน(ในยุคนี้) ดุสิคะ มีธุรกิจ ธุรกิจ และธุรกิจมากมายในนั้น ถ้าคุณกระโจนไปเลือกสักตัวแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ก้อเหมือนคุณซื้อลอตเตอรี่ (หวย !!)นั่นแหละ มีไม่กี่เปอร์เซ็นหรอกที่ถูกรางวัล และถ้าคุณยิ่งซื้อมันแบบผลีผลาม ก้อยิ่งยากขึ้นไปอีกที่จะได้เงินรางวัล

ปัญหาพี้นๆของคนทำธุรกิจเครือข่ายคือ ยิ่งทำธุรกิจเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีใครอยากคบหาหรือไม่มีใครอยากเข้าใกล้ รู้ไหมว่าปัญหามันเกิดเพราะอะไร?????
-ถ้าเวลาไปเที่ยวเพื่อน ในกลุ่มเพื่อนมีอยู่คนหนึ่งคุยแต่เรื่องธุรกิจให้เพื่อนฟังคุณจะรู้สึกอย่างไร
-ถ้าเวลาเจอหน้าญาติเมื่อไหร่ เป็นต้องแนะนำผลิตภัณฑ์หรือโอกาสทางธุรกิจกับไปซะทุกครั้ง เป็นคุณๆชอบหรือไม่
-เพื่อนไม่เคยคุยกันมาเป็นปีๆ โทรมาบอกว่ามีผลิตภัณฑ์มาเสนอ หรือมีโอกาสธุรกิจมาเสนอคุณอยากฟังไหม (ก่อนหน้านั้นไปอยู่ไหนมาเนี่ย)
-เปิดหน้าเวปก็เจอแต่โฆษณาโอกาสทางธุรกิจเต็มไปหมดท่านปิดเวปนั้นทิ้งหรือเปล่าล่ะ มันเยอะเกินไป อ่านไม่ทัน

คราวนี้พอมองเห็นหรือยังคะว่า การทำงานเครือข่ายที่ที่ปรึกษาแนะนำให้คุณทำว่าเวิร์คนักหนา ทั้งลิสต์รายชื่อคนรู้จัก 100 คน แล้วกระหน่ำโทรหา หรือคุยกับทุกคนบนท้องถนน หรือรีบโทรไปบอกเพื่อนว่าเราทำธุรกิจอยู่มาทำกับเราด่วน แนะนำสิ่งดีๆให้คนใกล้ตัว ใช้ดีแล้วบอกต่อ (คำนี้เขาฮิตกันจัง) ทุ่มเงินลงในเวปเพื่อโปรโมตหรือซื้อรายชื่อมาโทรกันเลย (กี่หมื่นเข้าไปแล้วล่ะ) แจกซีดีด้วย(คุณแหละต้องไปซื้อมาไว้แจก) ทุกอย่างที่กล่าวมากำลังเป็นระบบที่ผลักไสไล่ส่งคนอื่นให้ไปไกลๆจากคุณนั่นแหละ (ก็ทำมาแล้วแหละค่ะ ถึงพูดได้)

ลองมองดูดีๆจะพบว่า เรากำลังทำธุรกิจเครือข่ายที่ต้องการคนเข้ามาร่วมแต่ระบบที่ทำอยู่กลับกำลังกำลังไล่คนหนี....!!!! ใช่มั๊ยคะ

นี่ละค่ะทำไมคนทำเครือข่าย 99% ไม่ประสบความสำเร็จ ได้น้อยกว่าเสีย สุดท้ายก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ในการทำธุรกิจคือการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ธุรกิจ A H B C ก็จะกลายเป็นของขวัญในความล้มเหลวต่อไปของท่านคนเดียวกัน ทำงานแบบเดียวกัน ใช้ระบบเหมือนๆกัน ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างกันมาหรอกจริงมั๊ยคะ ถ้าหากทำอย่างนึงแล้วไม่ดี เราก็ย้าย ไปเจอที่เหมือนๆกันเข้าไปอีก แล้วจะทำอะไรๆที่เป็นแบบเดิมๆกันไปทำไมล่ะ บทต่อไป Attraction Marketing ค่ะ

เข้าดูตัวอย่างระบบนี้ได้ที่นี่ก่อนก็ได้นะคะ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com ค่ะ

วันอังคาร

บทที่ 2 ทำไมเราต้องทำงาน ..งานที่ทำอยู่??

วันนี้มาคุยกันต่อนะคะ หลังจากที่ใช้เวลาดูแลลูกสาวที่ปิดเทอม เตรียมการในวันเปิดเทอมให้เรียบร้อยแล้ว

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าทำงานประจำมาเป็นสิบปี แล้วทำไมมาทำเครือข่าย....

คุณๆเคยลองมาคิดมั๊ยคะ งาน หรือสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทำไมเราทำกันอยู่? คำว่าทำไมนี่ถ้าต้องตอบล่ะก็ เป็นรื่องใหญ่เลยเชียว ย้อนกันไปตอนที่ได้มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ สาเหตุหลักเพราะสอบไม่ติดนั่นแหละค่ะ แล้วพอมาเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ปรากฎว่าปรับตัวไม่ได้ อันนี้คือตัวเองนะคะ เคยเรียนโรงเรียนแบบสาธิตมา เรียนมา 12 ปี โรงเรียนเดียวนี่แหละ เหมือนมีโลกอีกใบ มีความสุขนะคะ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ มีรักกันบ้างทะเลาะกันบ้างตามช่วงวัยนั่นแหละ เป็นบ้านที่สองเลยเชียว

ทีนี้โลกเปลี่ยนไป กว้างขึ้น คนเยอะขึ้น ไม่คุ้นกันเลย ระเบียบ การเรียน แตกต่าง มันงงจนในที่สุดหันมาอ่านข้อสอบเก่าๆเอาแล้วไปสอบ จนกระทั่งดูท่าไม่ดีละ ประกอบกับมีโอกาสจึงไปเรียนต่างประเทศ ทีนี้เรียนอะไรล่ะ เริ่มที่ภาษาก่อน แล้วด้วยความที่ต้องเรียนให้ต่อเนื่อง ก็เลือกที่ง่ายที่สุด (สำหรับเรา)ก่อน ไปเรียนพวกเลขา บัญชี แล้วพอจบ ก็อยากหาประสพการณ์ เลยทำงานต่ออีกสองปี ทีนี้ได้ภาษาและโลกทัศน์จริงๆ เพราะประเทศที่ไปมีหลากเชื้อชาติ

การกลับมาบ้านเกิดหลังจากนั้น การทำงานเริ่มขึ้นที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร โชคดีที่พี่ที่ต่างประเทศคงดูออกว่ามันคงงง เริ่มต้นไม่ถูกแน่ๆ เลยฝากของมาให้ผู้ใหญ่ที่รู้จักซึ่งทำงานโรงแรม นั่นแหละค่ะการทำงานแรกจึงเริ่มขึ้น ทำไมต้องโรงแรม เพราะเป็นสถานที่ๆต้องใช้ภาษาแน่นอน ไม่ว่าคุณจะงงๆมาอย่างไร คุณต้องได้สื่อสารแน่ๆ การทำงานจึงเริ่มต้นจากนั้น โดยมีคำตอบว่า นี่แหละ เริ่มง่ายสุด พูดได้ ฟังออก เรียนระบบ ทำตามขั้นตอน มีปัญหาก้อส่งให้หัวหน้างานจัดการ เรียบร้อย กลับบ้าน ทำงานแบบมีหัวหน้าแก้ปัญหาให้โดยตลอดจนชำนาญ พอมีโอกาสยื่นมาให้เป็นหัวหน้าแผนก ก้ออาศัยความรู้ที่ซึมซับเข้ามา apply เข้าไปเป็นหัวหน้าแผนกบ้าง

ผ่านไปเป็นสิบปีเชียว เคยหลุดไปนอกวงจรไปทำบริษัทนำเข้าเสื้อผ้าไฮโซ ค่ะ ไฮโซไป แค่ 9 เดือน กลับมาทำงานโรงแรมดีกว่า

ทีนี้อ่านมาจนมาถึงบรรทัดนี้ รู้มั๊ยคะว่าทำไมเราทำ(งาน)ที่ทำๆกันอยู่ ...ตอบแบบง่ายๆ ก็ง่ายๆแหละค่ะ มันง่าย ที่ง่ายก็เพราะเราถนัด ความถนัดเกิดขึ้นตั้งแต่เราทำงานแรกแล้ว....มันใช่ เราเลยทำมันมาตลอดพร้อมการเรียนรู้ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น จริงมั๊ยคะ....