วันเสาร์

บทที่ 15 MLM School การคัดเลือกเครือข่ายมาทำงานอย่างไรให้มั่งคั่ง (ตอนจบ)

มาต่อเรื่องกราฟกันค่ะ

คุณเคยสังเกตไหมคะว่าคนที่มีรายได้ 7 หลักเขาเริ่มธุรกิจเครือข่ายกันตอนไหน..... คำตอบค่ะ แทบจะทั้งหมดก็ตอนบริษัทเปิดตัวหรือกำลังจะเปิดตัวนั่นละค่ะ และนั่นย่อมหมายความว่า ถ้าคุณต้องการรายได้มหาศาลคุณก็ต้องเริ่มก่อนที่ธุรกิจจะถึงจุดที่ 1 ในกราฟ แล้วถ้าคุณไปเริ่มช่วงที่คน 80 % คนเข้ามาละคะ หมายถึงคุณอาจจะยังมีรายได้บ้างหรือไม่ได้บ้างอยู่ที่ความสามารถและความขยัน ทั้งนี้รวมถึงเครื่องมือหรือระบบทำการตลาดที่มาช่วย ช่วงนี้มีการแข่งกันกันเองในเครือข่ายสูงมาก แต่การที่คุณจะมั่งคั่งสร้างมีรายได้ให้ได้ถึง 7 หลักจะยากมาก คุณต้องมีความสามารถพิเศษที่เหนือกว่าชาวบ้านมาก (อย่าเพิ่งถอดใจค่ะ คุณอาจจะมีนะ) สำหรับคนที่เริ่มผ่านจุดที่ 2 ไปละ เมื่อผ่านจุดนี้ไปการทำธุรกิจสำหรับคนใหม่จะยากมากค่ะ ส่วนมากจะเข้ามาเป็นผู้บริโภค ไม่ค่อยมีรายได้กันเท่าไหร่ บางคนก็มีรายได้บ้างถ้ามีความพยายามมากกว่าแต่ก็ต้องขายๆๆๆๆๆ พูดๆๆๆๆๆๆ แต่โอกาสที่จะร่ำรวยแทบจะไม่มีเลย เคยเจอ upline ที่มีรายได้แตะแสนในธูรกิจนึงตอนทำ แต่โห เค้าทำงานหนักนะคะ หยุดไม่ได้ เค้าบอกว่าได้ แต่เค้าก็หยุดได้แค่พักร้อน ไม่เกินเดือน แล้วก้อต้องมาลุยกับลูกทีมอีก บางท่าน ลูกทีมหายหมด ก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่อีกค่ะ เฮ้อ ทุกวันนี้ก็ยังเห็นเค้าเหนื่อยอยู่เลย แต่หากว่าคุณเป็นยอดมนุษย์จริงๆ หรือคุณสามารถสวนกระแสในความซบเซาได้คุณก็จะทำสำเร็จได้ค่ะ

ก่อนอื่นสิ่งแรกที่คุณต้องเข้าใจคือ ทุกบริษัทเครือข่าย ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครบอกว่าบริษัทตัวเองแย่หรอกค่ะ ถ้าจะชวนคนเข้าร่วม

ไฮไลท์ตอนนี้ก็คือ คุณจะต้องรู้ให้ได้นะคะว่า ธุรกิจที่คุณจะเลือกกราฟธุรกิจอยู่ในช่วงไหน ถ้าคุณอยากมีรายได้มหาศาลแบบเร็วกว่า (พยายามหาข้อนี้ให้ได้นะคะ) เพราะการเลือกผิดจุดนั่นคือโอกาสที่เหลือของคุณ บริษัทที่มีคนรายได้ 7 หลักจำนวนมากที่เขาพยายามนำเสนอ หรือบริษัทที่เปิดมายาวนานแล้วในบ้านเรา สองสิ่งนี้ก็กำลังบอกอะไรกับท่านเกี่ยวกับโอกาสร่ำรวย น่าจะพอเข้าใจแล้วนะคะ และที่สำคัญคุณต้องมองไปที่บริษัทด้วยนะคะ ว่าตัวบริษัทเองนั้นมั่นคงแค่ไหน ดูจากองค์ประกอบที่คนที่ชวนคุณบอกมานั่นแหละค่ะ เช่น อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหนเป็นต้น รวมไปถึงแผนการจ่ายเงินอันนี้ต้องดูด้วยว่ามีการเอื้อกันในการเป็น upline และ downline หรือไม่ เพราะบางที่แค่ fast start เค้าก็ปล่อยคุณทันทีหลังสมัครคุณได้ก็มี และที่สำคัญก็คือผลิตภัณฑ์ ***ถามตัวเองก่อนนะคะว่า ผลิตภัณฑ์แบบนี้ ถ้าคุณไม่มีรายได้สักบาท คุณจะซื้อใช้ ซื้อกินไหมคะ ถ้าคำตอบคือไม่ คนอื่นเขาก็คงไม่ต่างจากคุณนั่นแหละค่ะ นั่นหมายถึงว่า ธุรกิจนั้นเมื่อถึงจุดอิ่มตัว หันซ้ายขวา หน้าหลังก็มีคนทำแล้ว จะรับสมัครคนยากขึ้นหรือขายของยากขึ้น และเมื่อทำยาก ถ้าคนใหนไม่มีรายได้ เขาก็จะหยุดรักษายอด เมื่อเขาเห็นว่าผลิตภัณฑ์ไม่ได้จำเป็นกับชีวิต นั่นหมายถึงเครือข่ายที่จะล้มครืนแบบโดมิโน่ แล้วมันก็จะล้มจะถึงโดมิโน่ตัวสุดท้ายละค่ะ จากนั้นก็เริ่มไปนับหนึ่งกันใหม่

หลายคนเข้าใจกราฟนี้แต่เข้าใจไม่หมด**ว่ากราฟนี้มันสื่อถึงผลิตภัณฑ์ด้วย ถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจน ***ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของไม่จำเป็นกับการดำเนินชีวิต เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่น สุดท้ายเครือข่ายก็จะจบลงเมื่อถึงจุดอิ่มตัว สิ่งที่คุณทุ่มเทก็จะจบไป ทีนี้เข้าใจหรือยังคะว่า ทำไมบางเครือข่ายดังๆก็ยังล้มไป

แล้วข้อดีของการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing จะมาช่วยอะไรได้ไหม ตรงนี้ตอบว่าได้แน่นอนค่ะ เพราะเราทำการตลาดด้วยการแบรนด์ตัวเราเอง ต่างจากที่อื่นที่พากันแบรนด์บริษัทหรือแบรนด์ผู้นำ ผู้คนจะรู้จักคุณในฐานะมืออาชีพที่พวกเขาอยากร่วมทีมด้วย และคุณยังมีระบบฐานข้อมูลของคนที่ต้องการความสำเร็จที่คุณจะให้ข้อมูลอะไรกับเขาก็ได้ คุณมีความสัมพันธ์กับเขาเพราะเขารู้จักคุณในฐานะคนรู้จัก (จากระบบติดตามผลแบบอัตโนมัติ หรือ Email Marketing จำได้มั๊ยคะ) และความเป็นมืออาชีพทางด้านเครือข่าย ซึ่งถ้าธุรกิจมันแย่ที่สุดคือ เครือข่ายล้ม (หากคุณว่าเลือกดีแล้วมันยังเกิดน่ะนะคะ) แต่จากการทำการตลาดแบบดึงดูดของคุณ ถึงเครือข่ายจะล้มหายไปคุณก็ยังสามารถเอาคืนหรือสร้างสายงานได้ใหม่ในระยะเวลาอันรวดเร็วมากกับบริษัทใหม่ๆที่คุณเลือกนั่นเอง เพราะคุณจะมีคนติดสอยห้อยตามคนที่เขามั่นใจด้วยเสมอ อย่างที่เขามั่นใจในตัวคุณนั่นเองค่ะ

แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดหากคุณมีระบบที่ยอดเยี่ยมแล้ว คุณก็ควรเลือกบริษัทที่ยอดเยี่ยม ที่มีทั้งโอกาสที่มั่งคั่ง แผนการตลาดดีเยี่ยม และผลิตภัณฑ์ที่หากคุณถามตัวเองว่า ถ้าคุณไม่มีรายได้สักบาทกับบริษัทนี้ คุณจะยังซื้อกินซื้อใช้ไหม และพิจารณาจากความมั่นคงของบริษัทเช่นกัน

สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

กุสุมา สาตราภัย
CEO - MLM School Online

บทที่ 14 MLM School การคัดเลือกเครือข่ายมาทำงานอย่างไรให้มั่งคั่ง

มาถึงบทที่ 14 แล้วนะคะ ทีนี้หลายคนคงเริ่มเข้าใจการตลาดแบบดึงดูดกันพอสมควรแล้วนะคะ คราวนี้มาดูวิธีในการเลือกเครือข่ายอย่างไรให้ร่ำรวยกันบ้าง สำคัญนะคะเนี่ย เพราะอย่างแย่ที่สุดก้อคือเลือกเครือข่ายยังไงให้ทำแล้วสำเร็จได้บ้าง อ่ะนะไม่ใช่มีแต่เจ๊งกับเจ๊งเหมือนที่เคยเป็นกัน ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยล้มเหลวมาก่อน ไม่ได้ตังค์ จริงๆก้อได้นะคะ แต่บริหารไม่เป็น ประกอบกับการผลีผลามออกจากงานเลยล้มเหลวช่วงนั้น จนตอนนี้ดิฉันเองเพิ่งมาได้เรียนรู้อย่างมากมายจากคนที่ตั้งใจสอน และให้จริงๆ ดิฉันเลยมาหูตาสว่างและคลิ๊กอะไรบางอย่างเมื่อต้นปี 52 นี่เองค่ะ (Upline ที่แสนดีของดิฉันบอกว่า คนที่ประสพความสำเร็จกับเครือข่ายต้องหมายถึงคนที่มีรายได้อย่างน้อย 5 แสนบาทต่อเดือนขึ้นไปค่ะ!!)

วันนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าถ้าจะเลือกธุรกิจเครือข่ายเราต้องมองที่อะไรก่อนอะไรหลัง บางคนทำเครือข่ายมาเป็นสิบๆปีก็ยังเลือกเครือข่ายไม่เป็น แล้วก็ยังล้มเหลวอยู่นั่นละทำไม่สำเร็จสักที หรือบางคนทำได้สำเร็จระดับสูงมาก สุดท้ายก็ต้องมานับหนึ่งใหม่ในไม่กี่ปีเพราะบริษัทและสายงานล้มไป โดยที่ก็ยังไม่เข้าใจการเลือกเครือข่ายอยู่ดี ทำให้ต้องเริ่มต้นทำงานหนักใหม่อีกเรื่อยๆ จากการเลือกเครือข่ายไม่เป็นนั่นเอง นั่นหมายความว่า หากคุณเลือกเครือข่ายไม่เป็นคุณก็อาจจะหมุนวนมาเริ่มนับหนึ่งอยู่เรื่อยๆ จนไม่ได้เกษียณอย่างที่เค้าคุยไว้เสียที หรือท่านอาจจะล้มเหลวตลอดไป!!! (อันนี้น่ากลัวค่ะ ขอบอก)

1. เลือกที่วิธีทำธุรกิจ และวิธีทำการตลาดก่อนเลยค่ะ
2. เมื่อเห็นวิธีทำธุรกิจแล้ว ถ้าอยากมั่งคั่งต้องมองโอกาสเติบโตโดยต้องดูไปที่
-แผนการตลาดเอื้อแค่ไหน
-มองที่ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นอย่างไร
-มองที่ความมั่นคงของตัวบริษัทค่ะ

มาขยายความกันค่ะ

ข้อที่ 1 เลือกที่วิธีทำธุรกิจหรือวิธีทำการตลาด ข้อนี้สำคัญมากที่สุด หลายคนที่ทำเครือข่ายติดหลุมพรางการล่อหลอกจากการที่เค้านำคนที่มีรายได้จำนวนมหาศาล มายืนเรียงกัน ใช้บรรยากาศของห้องกระตุ้นเร้า ใช้การชักแม่น้ำทั้ง5 ทำให้คล้อยตามและจิตนาการที่ฝันเฟื่องไปกันใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อออกจากห้องประชุมก็ถูกเร่งเร้าให้รีบตัดสินใจสมัครและเริ่มสต๊อกสินค้า แล้วเผลอก็ถูกลอยแพทันที ไม่มีคนสอนงาน ไม่มีคนพาทำงาน สินค้าก็ขายไม่ได้ แนะนำใครก็ไม่สนใจ บางทีพาทำงานบ้างแต่ก็เป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เช่น เค้าบอกให้คุณลิสต์รายชื่อคน 100 คนเพื่อโทรไปแนะนำสินค้า หรือไปแนะนำธุรกิจ พร้อมกับคำขู่ว่า “ถ้าไม่รีบโทรหาคนรู้จัก อาจจะมีคนรู้จักไปทำกับคนอื่น หรือซึ้อสินค้ากับคนอื่นนะ” แล้วคุณเองล่ะ ชอบมั๊ยเวลาเพื่อนฝูงที่ไม่เคยโทรติดต่อกันมานาน โทรมาคุยเรื่องขายของกับคุณ เค้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันค่ะ และคุณเองจะทนการถูกปฏิเสธได้มากหรือนานแค่ใหนก่อนหมดไฟและเลิกทำ

ดังนั้นการเลือกวิธีทำการตลาดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด สิ่งที่คุณต้องดูก่อนเป็นอย่างแรกเครือข่ายที่คุณจะทำเป็นเครือข่าย เซลล์แมนหรือเครือข่ายผู้บริโภค

เครือข่ายเซลล์แมนก็คือ เครือข่ายที่ต้องมีการขายสินค้าเป็นหลักและใช้การขยายธุรกิจออกไป ข้อดีก็คืออาจจะมีรายได้จากการขายของ ข้อเสียคือ การจะได้รายได้ตามกฎเกณฑ์ของบริษัทต้องมียอดที่สูงมาก นั่นหมายความว่าคุณต้องขายมากนั่นเอง (มาถึงตรงนี้ คุณต้องถามและตอบตัวเองก่อนว่าชอบขายของหรือไม่นะคะ)

แต่สำหรับเครือข่ายผู้บริโภค จะเน้นการขยายเครือข่ายผู้ใช้สินค้าอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องขายของ ข้อดีก็คือถ้าต้องการรายได้ตามเกณฑ์การรักษายอดจะไม่สูงมาก และถ้าสินค้าเป็นที่ต้องการอยู่แล้วก็อาจจะนำไปขายได้อีกเหมือนกัน ถามตัวเองก่อนว่าคุณชอบเครือข่ายประเภทไหน

หลังจากนั้นเมื่อเข้าใจประเภทเครือข่ายแล้ว ดูต่อไปว่า คนที่มาแนะนำคุณเขาทำการตลาดอย่างไร ไม่ต้องสนใจสิ่งสวยหรูที่เขามาแนะนำ แม่น้ำทั้ง 5 สายที่ไหลมาบรรจบกันที่ปากเขาก็เหมือนกัน คุณต้องการทำแบบเขาคนนั้นไหม เพราะถ้าคุณมัวแต่หลงกับแผนการจ่ายรายได้ จ่ายเงินเยอะที่สุดในจักรวาล แจกโน่นแจกนี่มากที่สุด มีคนรับรายได้หลักล้านมากที่สุด บริษัทยิ่งใหญ่ที่สุด ผลิตภัณฑ์ขายตัวเองได้ แต่ถ้าคุณสมัครใครร่วมเครือข่ายไม่ได้เลย มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่ไหมคะ หรือถ้าหากคุณขายของไม่ออกสักชิ้น และต้องกินเองใช้เองจนหมด คุณจะไม่เจ๊งหรือคะ เพราะถ้าคุณไม่ชอบวิธีทำการตลาดแบบนั้น สุดท้ายคุณก็จะแพ้ความอยากสบายของตัวเอง ไม่เอาแล้ววันนี้ขอนอนดีกว่า ดูทีวีดีกว่า ทำนู่น นี่ นั่นก่อนดีกว่า เพราะคุณกำลังทำการตลาดแบบฝืนธรรมชาติของตัวเอง อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วในบทความก่อนหน้างัยคะ

และข้อ 2 เมื่อเข้าใจวิธีทำการตลาดแล้วขอย้ำนะคะ ว่าคุณต้องเข้าใจวิธีทำการตลาดก่อนว่าเราต้องการทำแบบนั้นจริงๆเท่านั้นในการทำการตลาดแบบนี้ หลังจากนั้นต้องเข้าใจ กราฟช่วงชีวิตของธุรกิจเครือข่าย ตามรูปที่เห็น ถ้าคุณไม่เข้าใจกราฟนี้อย่าคิดทำเครือข่ายเด็ดขาด ข่าวร้ายสำหรับบ้านเราก็คือ 99.99% ของนักธุรกิจเครือข่ายไม่เข้าใจกราฟนี้หรือเข้าใจก็เข้าใจไม่หมด วันนี้จะขออธิบายให้ฟัง คุณล้างความเข้าใจเก่าของคุณทิ้งไปก่อนนะคะ


-กราฟบอกอะไรเราบ้าง อย่างนี้นะคะ ในตอนที่ธุรกิจเริ่ม จะมีคนเข้าร่วมยังน้อยคนอยู่ ดังนั้นการเติบโตยังไม่ดีเท่าที่ควร ต้องใช้เวลาในการวอร์มตัวและสร้างผู้นำในธุรกิจเครือข่าย แต่เมื่อผ่านจุดที่ 1 ปรากฎว่ามีคนจำนวนมากเข้ามาร่วมและคนก็หลั่งไหลกันเข้ามาเรื่อยๆ 80% ของคนที่ทำธุรกิจจะเข้าร่วมช่วงนี้ เมื่อผ่านจุดที่ 2 ธุรกิจจะเริ่มเป็นที่รู้จักซึ่งไม่ว่าคุณจะหันซ้ายหันขวา หรือหน้าหลังก็เจอคนที่เขาทำหมดแล้วหรือว่ารู้จักหมดแล้ว และช่วงนี้จะเป็นการรักษาระดับของธุรกิจค่ะ


มาถึงตรงนี้ ทราบมั๊ยคะ ว่าดิฉันกำลังกำลังจะสื่ออะไร ต้องอ่านตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ


และถ้าคุณสนใจที่จะอบรมเพิ่มเติมกับ การมองหาธุรกิจดี การทำงานแบบดึงดูด หรือ Attraction Marketing เพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ


กุสุมา สาตราภัย
CEO - MLM School Online

วันศุกร์

บทที่ 13 นิทานสนุกๆกับการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing สิ่งที่ Upline ก็ยังไม่รู้ ภาค 2 (ตอนจบ)

มาต่อกันกับนางสาวหวังรวยค่ะ

และแล้ว เมื่อได้เริ่มเรียนรู้งานจากนายเก่งกาจ นางสาวหวังรวย กลับประหลาดใจเมื่อได้พบว่านายเก่งกาจก็ไม่ได้สอนอะไรพิเศษมากไปกว่า ที่คนแนะนำท่านเดิมแนะนำ!! สิ่งที่นางสาวหวังรวย ได้พบมากขึ้นก็คือ หลายครั้งเมื่อขอความช่วยเหลืออะไรก็ตาม นายเก่งกาจ ก็จะไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือสักท่าไหร่ "หรือเพราะเขามีตำแหน่งใหญ่โต เลยติดธุระค่อนข้างบ่อย งานคงยุ่งมาก" นางสาวหวังรวย พูดกับตัวเอง และตัดสินใจไปหาที่บ้านอันหรูหราของนายเก่งกาจ แล้วก็เลยยิ่งแปลกใจไปใหญ่ “โอ้ว นายเก่งกาจ กำลังไดรฟกอล์ฟ สบายใจเฉิบ มีเพื่อนดูมีสตางค์ และเคยเห็นในองค์กรณ์ นั่งจิบไวน์พูดคุยอย่างมีความสุข” นางสาวหวังรวย ตัดสินใจเดินเข้าไปทัก และพยายามคุยปัญหาที่เธอเจออยู่ และมีคนสนใจธุรกิจที่เธอต้องการให้นายเก่งกาจ ช่วยเหลือเธอด่วน ไม่งั้นเดือนนี้เธอจะไม่มีเงินรักษายอดและรายได้ไม่เกิดแน่ๆ นายเก่งกาจกลับบอกว่า ให้เธอกลับไปก่อนแล้วกัน และเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป เธอกลับออกมาจากบ้านนายเก่งกาจ และเริ่มรู้สึกเสียใจนิดๆ หลังจากนั้นนายเก่งกาจก็ไม่ติดต่อหาเธอตามที่บอกเสียด้วย

เมื่อถึงช่วงงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ นางสาวหวังรวยได้ชวนคนเข้าในงานประชุมได้ 3 ท่านทั้งที่แสนจะลำบากในการชวนเพราะชวนมาเป็น 20 กว่าคนแต่มาแค่ 3 คน (ชวนเก่งนะเนี่ย) แต่เธอก็ดีใจที่มีคนมาได้ ทั้ง 3 คน มี 2 คนเป็นนักศึกษาที่อยากหารายได้เพิ่ม และอีกคนเป็นพนักงานประจำที่อยากออกจากงานเพราะอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง (คุ้นๆกันไหมคะ?) หลังจากได้ฟังงานประชุมจนจบ ทุกคนต่างก็ทยอยกันกลับ ส่วน 3 คนที่ร่วมประชุมไม่มีใครสมัครกับเธอเลย นักศึกษาทั้ง 2 คนบอกว่าไม่มีเงินค่าสมัคร ส่วนอีกคนบอกว่ายังไม่พร้อมตอนนี้หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านไป นายเก่งกาจได้จัดงานเลี้ยงยินดีให้กับสมาชิกในทีมที่ได้ขึ้นตำแหน่งใหม่ๆ โดยได้เชิญคนที่เป็นต้นๆสายของธุรกิจของเขาเข้ามาในงานเลี้ยง รวมไปถึงทีมงานติดตัวของเขาเองเข้ามาในงานด้วย นางสาวหวังรวยก็ได้รับเชิญ และเธอก็แปลกใจมาก เพราะได้พบว่าคนที่เธอเคยชวนเข้าอบรมที่โรงแรมหนก่อนนั้นก็มาด้วย และได้ถามคนที่เป็นไซด์ไลน์ที่มางานด้วยกัน เขาบอกว่า "อ้อเป็นทีมงานใหม่ของพี่เก่งกาจเขา"....

**เฮ้อ นี่เป็นแค่เรื่องสมมติ ไม่เกี่ยวกับ บุคคล สถานที่หรือ อะไรก็ตามนะคะนิทานเรื่องนี้บอกอะไรกับเราบ้างล่ะ

- คนที่มีรายได้มหาศาลกับเครือข่าย เขาอยู่ในการตลาดดึงดูด ...โดยอัตโนมัติ ทั้งที่ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม และที่ใครๆ ก็อยากเข้าร่วมเพราะมั่นใจว่าเขาจะพาสำเร็จแน่ๆ (อ้าว นางสาวหวังรวยล่ะ?)

- ข่าวไม่สู้จะดีคือ คนที่เขามีรายได้มหาศาลเหล่านั้นแทบทุกคนไม่มีระบบที่เอื้อให้ทุกคนสำเร็จ (ไม่งั้นนางสาวหวังรวยคงไม่ต้องเข้าไปถามถึงบ้านใช่ไหมคะ)- ข่าวร้ายคือ คนเหล่านั้นเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่าเขาอยู่ในการตลาดดึงดูดที่ใครๆก็อยากเข้าร่วมกับเขา (เน้นค่ะ เน้น)

- ข่าวร้ายกว่า คนเหล่านั้นไม่สามารถที่จะสอนทีมงานให้เข้าใจการตลาดดึงดูดและเป็นแบบเขาได้ (ก้อบอกแล้ว หนูไม่รู้...)

- ข่าวร้ายยิ่งกว่า ธรรมชาติของคน ยิ่งร่ำรวยขึ้น คนจะยิ่งเหนื่อยง่ายขึ้น ทำงานหนักได้น้อยลง ความพยายามลดลง (ไดรฟกอล์ฟ จบไวน์ดีกว่า)

- ข่าวร้ายที่สุด เขาจะสอนให้คุณทำสิ่งที่เขาอยากให้คุณทำและเขาไม่เคยทำ และผลักไสให้พยายามในสิ่งที่คุณไม่ชอบมากที่สุด (เค้าเคยไปยืนแจกใบปลิวกับคุณมั๊ยเล่า ที่คุณคิดว่าเค้ายุ่งน่ะ)

และ สุดท้าย...

- จงอย่าแค่มองธุรกิจเครือข่ายใดๆ แค่เพราะหลงในบางอย่างที่สวยงาม ไม่ว่าจะได้ยินว่า มีแผนง่ายที่สุดในโลก จ่ายมากที่สุดในจักรวาล บริษัทสุดยอดเบอร์หนึ่ง แจกโน่นแจกนี่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ลองนับดูนะคะ ว่ากี่คนที่ได้จากจำนวนผู้ที่ทำธุรกิจเท่าไหร่ เช่น สิบจากหลายหมื่น เท่ากับคุณต้องสร้างเท่าไหร่?) หรือ มีคนมีรายได้มหาศาลมากที่สุดในโลก ถามตัวเองก่อน คนมาแนะนำเขาทำการตลาดอย่างไร เราอยากทำอย่างนั้นไหม ถ้าอยากทำงานแบบนั้น ก็เยี่ยมเลยค่ะ คุณกำลังพบทางสว่าง แต่ถ้าไม่ ให้รีบถอยออกมา เพราะถ้าคุณเข้าไปคุณก็จะเจอการทำตลาดที่ฝืนความรู้สึกตัวเองทันที สุดท้ายก็จะล้มเหลว เพราะคุณจะพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เช่น อันนี้ตัวเองนะคะ ไม่เอาล่ะ ไม่อยากไปแจกใบปลิว เขิน ไม่อยากไปคนเดียว เป็นต้น

ดังนั้น ดิฉันก็ยังขอย้ำกับคุณๆอยู่นั่นเองว่า การตลาดดึงดูดก็คือการตลาดรูปแบบเดียวกันกับคนที่เขามีรายได้มหาศาลเป็นอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เขาไม่รู้ตัวเอง และนั่นหมายถึงคุณเองที่ได้อ่าน blog นี้มาโดยตลอด กำลังได้รู้วิธีการดึงดูดคนให้เข้ามาร่วมกับธุรกิจกับคุณเหมือนกับคนที่เขามีรายได้มหาศาล เพราะเหตุผลที่คนอยากร่วมเครือข่ายกับคุณ ก็ต้องเพราะว่าเค้ามั่นใจว่าคุณจะพาให้เขาพบความสำเร็จแน่ๆ แล้วทำไมคนที่ทำการตลาดแบบนี้จะไม่สำเร็จล่ะคะ

และถ้าคุณสนใจที่จะอบรมเพิ่มเติมกับ การตลาดแบบ Attraction Marketing ทางออนไลน์แบบฟรีๆ ไม่ต้องไปอบรมตามโรงแรมอย่างนางสาวหวังรวย แจ้งชื่อ อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ของคุณมาได้ที่ ohmandy1@gmail.com นะคะและหากต้องการทราบวิธี การทำเครือข่ายแบบถูกต้อง สามารถเข้ามากรอกข้อมูลซึ่งเราก็จะส่งให้คุณฟรีเช่นกัน ที่ http://stop-failure-mlm.com ค่ะ สามารถติดตาม blog ได้อีกที่ http://kusumamlmexpert.com ด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดี

บทที่ 12 นิทานสนุกๆกับการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing สิ่งที่ Upline ก็ยังไม่รู้ ภาค 1

คุณๆที่เข้ามาเริ่มและเรียนรู้การทำงานเครือข่าย เคยสงสัยมั๊ยคะ ว่าคนที่มีรายได้มหาศาลในงานเครือข่ายที่เราทำอยู่ ทำไมเค้าถึงรับสมัครคนเข้ามาร่วมธุรกิจได้ง่ายนัก ทั้งๆเราเองพยายามมากมาย ดูจะมากกว่าเค้าด้วยซ้ำ ทั้งแจกใบปลิว เดินทำแบบสอบถาม พูดคุยกับคนไม่รู้จัก สารพัด แต่...ก็ยังไม่เห็นจะได้ผลลัพท์แบบเค้าเลย??

มีนิทานสนุกๆให้ฟังค่ะ เรื่องที่ผู้นำเค้าไม่เล่ากันนะคะ อ่านดูจะรู้ว่าทำไมเค้าไม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

นายเก่งกาจแล้วกันนะคะ ได้เริ่มทำธุรกิจเครือข่ายหนึ่ง โดยเริ่มตั้งแต่แรกที่ธุรกิจนั้นเข้ามาในประเทศเลย และเมื่อเวลาผ่านไปไปหลายปี จากองค์กรณ์เครือข่ายเล็กๆของเค้า ได้กลายเป็นองค์กรณ์ใหญ่โต และนายเก่งกาจ กลายเป็นคนที่มีรายได้มหาศาล 7-8 หลักทุกเดือน และเนื่องจากได้ผลลัพธ์กับองค์กรที่ใหญ่โตขึ้น นายเก่งกาจ จึงได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษ ในงานประชุมของบริษัทที่จัดตามโรงแรมต่างๆบ่อยๆ (คุ้นๆแบบที่คุณเคยเข้าไปฟังมั๊ยคะ?) และในฐานะผู้ที่สำเร็จกับเครือข่ายและมีรายได้มหาศาล ทุกคนต่างก็ชื่นชมในความสามารถ ชื่อของนายเก่งกาจจึง เป็นที่กล่าวขาน ทั้งในห้องประชุมและทางช่าวสารต่างๆ รวมไปถึงอินเตอร์เนท เป็นคนที่หลายๆคนทั้งในและนอกองค์กรณ์อยากเป็นอย่างเค้าให้ได้วันนั้นให้ห้องประชุม

นางสาวหวังรวย (ตั้งชื่อซะ มีใครไม่อยากรวยล่ะ) ซึ่งเป็นผู้มุ่งหวังของผู้ทำธุรกิจคนนึงที่อยู่ลำดับลึกมาก ในองค์กรของนายเก่งกาจ ได้ประทับใจในตัวของนายเก่งกาจอย่างมาก ด้วยการที่นางสาวหวังรวย เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงนางสาวหวังรวย ได้มองเห็นว่าถ้าร่วมเครือข่ายกับคนที่เขาแนะนำเข้ามาชมวันนี้คงมีโอกาสสำเร็จน้อย และน่าจะดีมากถ้าได้ร่วมกับนายเก่งกาจ นางสาวหวังรวย เลยตัดสินใจที่จะไม่ร่วมกับนักธุรกิจที่เชิญมาท่านนั้น (เอาล่ะสิ) แล้วเริ่มต้นหาข้อมูลชื่อ เบอร์โทรของนายเก่งกาจทันที ในอินเตอร์เน็ต และก็ได้เบอร์โทรสมใจ นางสาวหวังรวย โทรหาทันทีและบอกว่าอยากเข้าร่วมธุรกิจกับนายเก่งกาจ เนื่องจากไม่รู้มาก่อนว่านางสาวหวังรวย เคยเป็นผู้มุ่งหวังของทีมงานตัวเอง และเห็นว่านางสาวหวังรวย คุณสมบัติที่ดีหลายอย่าง (กระตือรือร้นจริงๆ) นายเก่งกาจเลยตัดสินใจรับสมัครติดตัวเองทันที นางสาวหวังรวย เองก็ดีใจมากที่ได้ร่วมทำธุรกิจติดตัวกับคนที่มีรายได้มหาศาล

อ่ะนะ อยากอ่านต่อมั๊ยคะ เดี๋ยวมีลุ้นค่ะ ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
และ
ถ้าสนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

วันศุกร์

บทที่ 11 การคัดเลือกคนเข้าร่วมธุรกิจการตลาดแบบดึงดูด attraction marketing

ทุกๆท่านคงทราบแล้วนะคะว่าหัวใจของการตลาดเครือข่ายแบบดึงดูดหรือ Attraction Marketing นั้นคือ การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเรากับคนที่สนใจ เพราะเมื่อคนเห็นความเป็นมืออาชีพของเรา และเขาเห็นว่าเราสามารถพาให้เขาสำเร็จได้ เขาก็อยากจะร่วมกับเรา แต่เมื่อมาถึงตอนนี้หน้าที่ของเราก้อคือ การคัดเลือกว่าใครบ้างที่เราต้องการให้ร่วม!!! ย้ำว่าคัดเลือกนะค่ะ ฟังดูดีกว่าการเที่ยวไปง้องอนหรือควานหาใช่มั๊ยคะ?และเรายังสามารถทำอะไรบางอย่างก่อนคัดเลือกได้อีกก็คือ เราสามารถให้ข้อมูลว่าการทำธุรกิจเครือข่ายให้สำเร็จทำได้อย่างไร เขาควรทำงานอย่างไร และระบบเป็นแบบไหนบ้างที่จะเอื้อให้เขาสามารถทำได้สำเร็จจริงๆ แบบเข้มข้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เขาต้องการร่วมกับเรา ได้เห็นด้วยว่าหากเขาต้องการเข้าร่วมกับเรา หน้าที่ของเราคือ การเลือกคนที่เราต้องการให้ร่วม
การคัดเลือกคนเข้าร่วมเครือข่ายกับเรานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกคนรักนั่นแหละค่ะ นั่นคือเราอาจจะต้องดูหลายๆคุณสมบัติเช่น เขาตั้งใจแค่ไหนที่จะเข้าร่วม เพราะบางคนแค่แวะเข้ามาดูเพื่อจะได้รู้อะไรบางอย่างที่เราทำอยู่ หรือ บางคนอาจจะแค่อยากจะรู้แต่ไม่ต้องการเข้าร่วมกับเราจริงๆ เขาจะเข้าใจการตลาดแบบที่เราทำได้แค่ไหน เขามั่นใจได้อย่างไรว่าระบบทำงานแบบนี้มันจะเอื้อให้สำเร็จ ทัศนคติเขาเป็นอย่างไรบ้าง มีทักษะตรงตามที่เราต้องการไหม รวมไปถึงเรื่องความพร้อมด้านการลงทุนส่วนบริบทของเราในการคัดคนหรือสัมภาษณ์ ก้อไม่ต่างอะไรจากการคัดเลือกคนเข้ามาทำงานในบริษัท (ซึ่งเรามีธุรกิจเป็นบริษัทของเรานั่นเอง) คือเราต้องชัดเจนกับตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนเลือกเขา ไม่ใช่ให้เขามาเลือกเรา โดยถ้าหากว่าก่อนทำการคัดเลือกคุณคิดว่าสิ่งที่คุยกำลังเป็นลักษณะการโน้มน้าวนั่นคือคุณกำลังพยายามง้อคนที่คุณสัมภาษณ์อยู่ พยายามชักจูงอยู่ เมื่อคนเขามองว่าตัวเขาเองสามารถเลือกหรือไม่เลือกเราก็ได้ เขาจะเป็นคนถือไพ่ที่เหนือกว่าทันที นั่นหมายถึงการล้มเหลวในการสัมภาษณ์อย่างสิ้นเชิง อย่าลืมนะคะ ว่าตอนนี้ การสัมภาษณ์ของเราคือ การคัดคนที่ใช่ เพื่ออนุญาติให้เขาเข้าร่วมธุรกิจกับเราหรือไม่ ถ้าเขาถือไพ่เหนือกว่า นั่นคือคุณไม่มีสิทธิ์คัดคนที่ใช่ หรือคนที่พร้อมจะลงมือทำธุรกิจกับคุณได้เลย
สิ่งที่อยากแนะนำสำหรับคุณๆที่ทำการตลาดแบบดึงดูดคือ คุณต้องแฝงการตลาดแบบปฎิเสธคนในนั้นด้วย หมายถึงหากเขายังลังเลถามว่าแล้วจะได้กำไรเมื่อไหร่ ให้คุณระบุเวลาให้ได้ คนแบบนั้นเป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเรารับเขาเข้ามาร่วมธุรกิจกับคุณ เพราะเขายังไม่เข้าใจถึงการทำธุรกิจซึ่งเหมือนกับการเลี้ยงลูกว่า กว่าลูกจะกลับมาเลี้ยงดูเรา เราต้องป้อนข้าวป้อนน้ำและสั่งสอนลูกอย่างไร กว่าลูกจะโตและมาเลี้ยงดูเรา เช่นเดียวกับธุรกิจ หากไม่ลงมือทำอะไร ธุรกิจจะกลับมาคืนกำไรให้ได้อย่างไร และนั่นคุณก็ควรปฎิเสธทันทีอย่าเสียดาย เพราะการรับคนเหล่านี้เข้ามาก็คือ การได้คนที่ไม่ใช่มาร่วมธุรกิจและโอกาสที่จะล้มเหลวสูง แม้ว่าการทำงานจะง่ายเท่าใดก็ตาม และตัวคุณเองก็จะเสียเวลาในการดูแลคนเหล่านี้มากผิดปกติ
หลังจากที่คุณได้ทำการแบรนด์ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น คุณจะเข้าสู่สถานการณ์การทำงานแบบนี้คือจะมีคนมาขอสัมภาษณ์เพื่อจะเข้าร่วมธุรกิจกับคุณอย่างสม่ำเสมอ ตัวคุณเองเพียงแค่คัดเอาคนที่ใช่ ตัวคุณจะเข้าสู่การทำธุรกิจแบบการตลาดดึงดูดเต็มตัวทันที แต่การที่คุณเองจะทำการตลาดแบบนี้ให้สมบูรณ์แบบ คุณต้องมีระบบการทำการตลาดที่เอื้อจริงๆ และทำให้คนรู้จักคุณในฐานะคนที่จะนำพาให้เขาสำเร็จ และคุณก็ต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเทียบการตลาดดึงดูดว่าเหมือนคนที่หน้าตาดี อาจจะมีคนมาให้คัดเลือกเป็นแฟนเยอะ แต่ถ้าเขารู้สึกว่าคุณดีแค่หน้าตาแต่นิสัยแย่ คงจะคบกันได้ไม่นาน เหมือนในการทำธุรกิจที่คุณต้องเป็นอย่างที่คุยจริงๆ คุณต้องทำอย่างที่พูดไว้ และต้องมีระบบสนับสนุนการทำงานเหมือนที่คุณบอกเขาจริงๆ
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะรับเขาเข้าร่วม คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของคนคือ สิ่งที่คนมองหาอย่างหนึ่งในการพูดคุยคือ เขาจะได้อะไรบ้างเมื่อร่วมกับเรา และเขาจะสูญเสียอะไรถ้าเขาไม่ได้ร่วม ในลักษณะไม่ใช่การชักจูง เป็นรายละเอียดสาระสำคัญที่ต้องเพิ่มเติม ให้กับเขาทราบ และคุณต้องสามารถพูดในสิ่งที่เขาจะสูญเสียหากไม่ได้เข้าร่วมธุรกิจนั้นๆกับคุณได้อย่างชัดเจน
มองเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าการตลาดแบบดึงดูดหรือ Attraction Marketing มีข้อแตกต่างในการที่จะได้คนที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมทำธุรกิจซึ่งแตกต่างจากการทำธุรกิจแบบเดิมๆอย่างสิ้นเชิง นั่นหมายถึงโอกาสคนที่คุณจะได้คนที่อยากเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณสูงมากอาจจะถึง 90% ซึ่งปกติคนทำเครือข่ายทั่วไปสำเร็จแค่ 0.01% และคุณยังจะเลือกเอาเฉพาะคนที่มีคุณภาพได้อีกด้วย การทำการตลาดแบบดึงดูดหรือ Attraction Marketing จะเป็นมุมมองใหม่ในการทำเครือข่ายในอนาคต เพราะทุกวันนี้คนทำเครือข่ายถูกมองในแง่ลบตลอดเพราะรูปแบบการตลาดเดิมๆที่ต้องไล่ล่าโทรศัพท์และกระหน่ำติดตาม (จิก) บางคนเสียเพื่อน เสียแฟน เสียญาติ เสียคนรู้จัก เขากำลังมองหาการตลาดรูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องรบกวนใคร และง่ายกว่า นั่นคือโอกาสของคนที่เริ่มการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing แบบถูกวิธี ซึ่งจะประสพความสำเร็จในอนาคตมากกว่าคนทั่วไปทำค่ะ...
สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ
กุสุมา สาตราภัย
CEO MLM School

วันจันทร์

บทที่ 10 ธรรมชาติของมนุษย์

เอาล่ะค่ะ ทราบกันหรือไม่คะว่าการที่มนุษย์กระทำ หรือจะตัดสินใจลงมือทำอะไรนั้น มีที่มาจาก 2 ภาวะอารมณ์คือ รัก กับ กลัว
เป็นต้นว่า ความรักคือ ความยินดี ปรารถนาดี ความสำเร็จ การได้มาของสิ่งที่ปรารถนา ความปิติยินดี ความสุข การช่วยเหลือแบ่งปัน รวมไปถึงการดึงดูด
และความกลัว คือ การป้องกันตัวเอง ความเศร้าโศก การผลักไส ความตึงเครียด อิจฉาริษยา เห็นแก่ตัว ความเจ็บปวด
ดังนั้นธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งจะพยายามเลี่ยงภาวะจากความกลัว ก่อนจะเลือกภาวะแห่งความรักเสมอ เช่น มนุษย์เลือกที่จะเลี่ยงความรู้สึกเจ็บปวดก่อน แม้จะพอมองเห็นแล้วว่า ถ้าเราทำอย่างนั้นเราจะได้รับความสำเร็จ และความสุข เช่น คนที่ทำเครือข่ายส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่เฉยๆแทนที่จะทำงาน เพราะไม่อยากถูกปฏิเสธ
แล้วเราจะทำการตลาดแบบเข้าใจธรรมชาติมนุษย์ได้อย่างไร?
จง อย่า พยายามที่จะขายอะไรให้เค้าไงคะ เนื่องจากว่ามนุษย์จะมีระบบป้องกันตัวเอง
ธรรมชาติอีกข้อนึงของมนุษย์คือ ชอบซื้อ คิดดูนะคะ ถ้าวันนี้ คุณได้เงินมาสัก 10 ล้าน ดิฉันว่าสื่งแรกที่คุณจะนึกถึงก็คือ การใช้เงินในการซื้อ ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อกระเป๋า ซื้อคอมใหม่ ซื้อ โทรศัพท์รุ่นล่าสุด (ทั้งๆไอ้ที่มีก็ยังใหม่) ซื้อ ซื้อ ซื้อ อะไรอีกเยอะเลย
ธรมมชาติอีกข้อนึง ข้อสามนะคะ ไม่ชอบง้อ ถามสักนิดนะคะ คุณที่ทำเครือข่าย หรือไม่ได้ทำก็ตามคุณชอบง้อคนไหมคะ แล้วย้อนไปดู ในท่านที่ทำเครือข่ายก่อนนะคะ การที่คุณพยายามโน้มน้าวคน สาธิตสินค้า พยายามปิดการขาย คุณกำลังง้อคนอยู่หรือไม่คะ และคุณสบายใจหรือชอบไหมคะ
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือ คุณกำลังทำการตลาดแบบฝีนธรรมชาติค่ะ ไม่ว่าจากคนที่คุณแนะนำ หรือตัวคุณเอง เพราะคุณกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะขาย โน้มน้าวเต็มที่ แต่คนที่คุณพยายามที่จะขาย ก็กำลังพยายามที่จะเลี่ยงหนีออกไป เพราะไม่อยากถูกขายนั่นเอง
การตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติ คือการทำการตลาดแบบไม่ง้อใคร และคุณเองต้องนำเสนอในสิ่งที่เค้าก็ต้องการอยู่แล้ว หรือสามารถแก้ปัญหาให้เค้าได้ ไม่ใช่ทำการโน้มน้าวให้เค้าเริ่มสนใจ เช่น หากคุณกำลังพยายามขายเนื้อชั้นดี เกรดเอให้กับคนกินมังสวิรัต ไม่ว่าเนื้อของคุณจะมีคุณภาพเยี่ยมยอด ดีมากมายแค่ไหน เค้าก็ไม่ซื้อคุณค่ะ
ดังนั้นหากคุณจะขายเนื้อ คุณก็ต้องกรองคนก่อนว่าเค้าอยู่ในข่ายที่ชอบทาน ถ้าจะให้ดีย่างขึ้นก็ต้องกรองด้วยว่าเค้าชอบกินแบบเนื้อชั้นดี แล้วคุณค่อยไปทำการตลาดกับคนแบบนี้ค่ะ
นั่นคือในการทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาตินั้น คุณต้องทราบกลุ่มเป้าหมายก่อนว่าคือใคร อย่างที่สองคือสินค้านั้นมีวิธีการที่จะเข้าถึงความต้องการเค้าอย่างไร และอย่างที่สามคือทำอย่างไรจึงจะเข้าสู่เป้าหมายได้ เมื่อเข้าใจทั้งหมดนี้ ก็เริ่มวางกลยุทธ์ได้เลยค่ะ
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วมองออกแล้วนะคะ ว่าเราจะทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติอย่างไร บนพื้นฐานที่ไม่ต้องง้อใครและไม่ทำให้เค้ารู้สึกว่าถูกขาย
สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

วันเสาร์

บทที่ 9 การติดตามผล

คุณทราบใช่มั๊ยคะ จากรายชื่อที่คุณได้มา คุณจะต้องทำการติดตามเค้าครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะน้อยถึงน้อยมากที่คุณจะไปคุยธุรกิจกับเค้าเพียงครั้งแรกแล้วเค้าจะตกลงทำในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนใหม่ด้วยแล้ว การตอบข้อโต้แย้งก็จะยิ่งเป็นงานหนักที่สร้างความหวาดหวั่นให้คุณ หากคุณก้าวข้ามไม่ได้ เผลอๆคุณก็จะเลิกทำไปเลย
ดังนั้น “ถ้าธุรกิจเครือข่ายไหน ไม่มีระบบติดตามอัตโนมัติ (หรือ Email Marketing) อย่าไปทำเด็ดขาด” เพราะคุณต้องทำงานอย่างหนัก คุณต้องมีรายชื่อมากพอ (มากๆๆๆๆ) และต้องเก็บข้อมูลให้เป็นระเบียบเพื่อทำการติดตามเค้าถูก ประมาณว่าต้องจำได้ว่าเคยคุยไปถึงใหนแล้ว หากคุณเป็นคนขยัน คิดว่าจะต้องแบกแฟ้มต่างๆไหวไหมคะ ไหนจะต้องโทรศัพท์อีกล่ะ ทั้งหาคนใหม่ๆ ติดตามคนเก่าๆ แล้วคุณจะทราบมั๊ยล่ะค่ะ ว่าจริงๆแล้วคนที่คุณกำลังติดตามผลอยู่นั้น เค้าสนใจธุรกิจจริงๆหรือไม่ เมื่อคุณโทรไปเค้ามีสมาธิ รอคอยคุณอยู่หรือเปล่า ???? ตอนที่คุณโทร อารมณ์คุณเอื้อหรือเปล่าด้วยค่ะ
มีคนไม่น้อยนะคะ ที่กรอกเข้ามาเพียงแค่อยากรู้ ตามสถิติแล้วใน 100 คนที่กรอกข้อมูลเข้ามานั้น มีเพียง 2 -3 คนเท่านั้นที่สนใจแบบจริงจัง ส่วนที่เหลือล่ะ อีก 97 – 98 คนนั้น คุณก็ยังต้องตามต่อไปด้วยความไม่รู้จริงไหมคะ
และยิ่งหากคุณเป็นคนใหม่ คุณก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้อีกว่าจากน้ำเสียง เค้าจริงจังหรือเปล่า ยิ่งคุยยิ่งงง พอถูกปฏิเสธ ที่ปรึกษาคุณยังบอกว่า ไม่เป็นไร “ก็แค่ทำต่อไป หาคนที่ใช่” ต้องหาอีกมากมายแค่ใหนคะ ต้องโทรศัพท์อีกกี่ร้อยสายคะ และเมื่อรายชื่อหมด เค้าให้คุณซื้อรายชื่ออีกใช่ไหมคะ ยิ่งเค้าบอกว่ารายชื่อนี้คุณภาพดี ก็ยิ่งแพง ใช่ไหมคะ กว่าจะรู้ เสียเงินไปจนมีหนี้สิน ดูๆไปเหมือนการพนัน จ่ายไปเพื่อบางทีจะเจอตัวจริง... เหนื่อยค่ะ
การสร้างความสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ เพราะไม่มีใครที่จะซื้อหรือเข้าร่วมทำเครือข่าย, ธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จักแบบง่ายๆหรอกค่ะ ตามสถิตินะคะ คนที่เข้าร่วมเครือข่าย ส่วนมากจะเข้าร่วมเมื่อถูกติดตามผลอย่างน้อย 7 ครั้ง!!!ดังนั้น การติดตามแค่ครั้งสองครั้งของคุณนั้น เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นค่ะ...
คราวนี้ คุณรู้หรือยังคะว่าทำไมระบบเดิมๆที่ต้องไล่ล่าโทรศัพท์นั้นถึงล้มเหลว เพราะคุณมั่นใจมั๊ยล่ะคะว่าคุณจะกล้าโทรหาคนเหล่านั้นได้ถึง 7 ครั้ง..... คุณเองล่ะคะ ถ้ามีคนเดิมๆโทรมามากขนาดนั้น คุณจะพูดกับเค้าว่าอย่างไร ยิ่งไม่ได้รู้จักกันมาก่อนด้วยนะคะ เป็นดิฉันก็คงจะบอก “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ดิฉันไม่สะดวกแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” จบค่ะ คุณเสียรายชื่อนั้นไป
การติดตามผ่านทาง Email Marketing เป็นสิ่งที่จำเป็นมากค่ะ เพราะคุณเอง
· ไม่ต้องเหนื่อยคุยกับคนมากมาย หรือโทรศัพท์เป็นร้อยๆสาย เพราะระบบอีเมล์จะติดตามให้แทน
· เป็นการกรองคนที่เข้ามาแล้วในขั้นแรก กรองเฉพาะคนที่สนใจเท่านั้น คุณจึงไม่ต้องเหนื่อยกับคนที่ไม่ได้สนใจจริงๆ
· ทำให้คนที่อาจจะไม่สนใจในตอนแรกกลับมาสนใจในธุรกิจที่เรานำเสนอ ดังนั้นจากเดิมที่ๆปรึกษาคุณเคยบอกคุณว่า ให้คุณคุยกับคนทุกคนที่เจอ คุยให้ได้วันละ 5 – 10 คน ทุกคนคือผู้มุ่งหวัง จริงๆแล้วก็เป็นความคิดเดียวกันค่ะ แต่วิธีแบบเดิมๆที่ใช้นั้นไม่เวิร์คค่ะ อีเมล์ที่เราส่งไปจะค่อยๆโน้มน้าวให้เค้ามาศึกษาสิ่งที่เรานำเสนอมากขึ้นแทน
· เป็นระบบที่โปรโมทความเป็นมืออาชีพของคุณอีกทางนึง ที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มสร้างความเชื่อมั่น, ศรัทธาให้กับเขาได้ค่ะ
เอาล่ะ อ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะกำลังคิดว่า เอาล่ะ งั้นชั้นจะเลิกโทรศัพท์ละ แต่จะส่งเมล์หาคนสนใจแทน อันนี้ต้องดูด้วยนะคะ ว่า
· จะเป็นการ spam เมล์หรือเปล่า ระบบที่ได้แนะนำนี้ต้องเป็นระบบที่ถูกกฎหมาย และสามารถยืนยันจากคนที่รับเมล์เราได้ว่าเค้าเหล่านั้นต้องการรับข่าวสารจากเราและสามารถยกเลิกการรับข่าวสารนี้ได้หากไม่พอใจที่จะรับต่อ หากคุณคิดจะทำการซื้อ Program ดูดเมล์ ส่งเมล์ คุณก็จะยังคงทำผิดวิธีค่ะ เพราะก็ยังมีคนมที่เค้าไม่ได้อยากรับข่าวสารของคุณอยู่ในนั้นอยู่นั่นเอง และผิดกฎหมายค่ะ
· ข้อความในการติดตามผลสำคัญมากค่ะเนื้อหานั้นจะแสดงความเป็นมืออาชีพของคุณ ข้อความนั้นกำลังดึงดูดคนหรือไล่คนหนี... มั่นใจอย่างไรว่าสิ่งที่คุณเขียนนั้นเวิร์คพอ
· ไม่มีใครอยากเป็นคนถูกขาย คุณกำลังส่งสารไปขายของหรือธุรกิจเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า หากคุณไม่ได้คุณค่าอะไรกับเค้าเลย แน่ใจได้หรือคะว่าเค้าจะมาสนใจสิ่งที่คุณส่งไปให้เค้า
· เมล์ที่คุณส่งไปให้เค้าเป็นการพูดคุยหรือเปล่า เมล์ที่คุณส่งไปเรียกชื่อเค้า เช่น “สวัสดีค่ะ คุณนงนุช” หรือ “สวัสดีค่ะ ท่านผู้สนใจ” คุณกำลังเพียงแค่หว่านแหอยู่หรือเปล่า คุณว่าจริงหรือไม่ คำพูดที่หวานหูที่สุด คือการเรียกชื่อของเขาเอง และเมล์ที่คุณส่งก็ต้องโฟกัสกับเขาเท่านั้นเช่นกัน
· ในขณะที่คุณกำลังส่งเมล์เป็นกลุ่มจำนวนมากนี้ คุณคิดว่าจะทำไหวมั๊ยคะหากปราศจากระบบอัตโนมัติ? เกิดวันนี้มีนัด ขี้เกียจ เบื่อ ไม่มีอารมณ์ ไฟดับ คอมเสีย ทะเลาะกับแฟน อยู่ต่างจังหวัด ไปเที่ยวอยู่ ฯลฯ
อ่านมาถึงตรงนี้เห็นด้วยกับการมีระบบ Email Marketing ติดตามอัตโนมัติหรือยังคะ?
สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ
กุสุมา สาตราภัย – CEO Secret4Success

วันพฤหัสบดี

บทที่ 8 การสร้างรายชื่อผู้ที่สนใจ (ผู้มุ่งหวัง)

จากบทความที่ผ่านมา หากคุณได้ลองเอาไอเดียไปปรับใช้กับธุรกิจ หรือธุรกิจเครือข่ายของคุณ ดิฉันแน่ในเลยค่ะ ว่าคุณได้พบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่างแรกคือทัศนคติที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นในการทำงานอย่างแน่นอน และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ “ระบบ” ค่ะ คุณจะต้องสร้างระบบของคุณขึ้นมาด้วย

วันนี้เราจะมาเรียนรู้ การสร้างรายชื่อผู้ที่สนใจ หรือที่เค้าเรียกกันว่า ผู้มุ่งหวัง หรือ Prospect นั่นแหละค่ะ ตามแต่องค์กรณ์คุณจะเรียกก็แล้วกัน วิธีการที่เราจะสร้างนั้นในปัจจุบัน (ย้ำ ปัจจุบัน) เราจะมีวิธีใหนได้บ้าง
1. การโฆษณาตามเวปบอร์ดต่างๆ วิธีนี้มีหลายๆคน หลายๆธุรกิจทำกันเป็นวิธีแรกๆเลยก็ว่าได้ แต่นะคะ จำนวนรายชื่อและคุณภาพของรายชื่อที่เข้ามายังต้องอาศัยหลายๆปัจจัยเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมของเวปนั้น section ที่ลง แต่ว่า....ตอนนี้ข้อเสียได้เกิดขึ้นแล้วค่ะ เพราะการโฆษณาทำนองนี้ กลายเป็นเหมือนขยะในเวปแทน เหมือน junk mail ใน email เรานั่นเองค่ะ เพราะแค่คุณเห็นคำโปรย คุณก็จะผ่านมันไป เพราะใครก็เริ่มรู้สึกเบื่อและรำคาญ ดูกี่เวปๆก็เจอ บางทีไม่เกี่ยวกับหัวข้อที่คลิ๊กไปก็เจอ น่ารำคาญมั๊ยล่ะ ยังพอใช้ได้แต่ต้องเปลี่ยนวิธีค่ะ
2. การส่งเมล์หาคนสนใจ ไม่ว่าจะจากโปรแกรมดูดเมล์ที่ซื้อมา หรืออะไรก็ตาม หากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของเมล์ อันนั้นผิดกฏหมายค่ะ ต้องระวัง เพราะ ถือเป็นการ spam mail มีเรื่องเล่าค่ะ มีคนในสายงานคนนึง เค้าใช้วิธีส่งเมล์นี้ แต่เค้าส่งให้เพื่อนนะคะ ย้ำ เพื่อนค่ะ ทีนี้เพื่อนรำคาญ ส่งเรื่องเข้าไป ผลคือ โดนแบนลิงค์ ต้องสมัครทำธุรกิจใหม่ไปเลยเชียว ระวังค่ะ เพราะกระทั่งเปอร์เซ็นต์การตอบรับเองก็น้อยมากๆ ไม่ถึง แม้ครึ่งเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ
3. การ Forwards mail อันนี้ ไม่ใช่ forwards ธุรกิจนะคะ เปลี่ยนเป็นบทความดีๆ หรือความรู้ต่างๆจะดีกว่าค่ะ แล้วให้ link ของคุณพร้อมคำโปรยดีๆอยู่ที่ signature ของ mail คุณแทน
4. การโพสกระทู้ อันนี้คล้ายการทำโฆษณาตามเวปค่ะ แต่ คุณไม่ต้องเสียเงิน วิธีนี้ฟรี ค่ะ ฟรี โดยคุณต้องใช้เวลาในการทำงาน และคุณภาพอาจไม่เท่าการลงโฆษณา
5. การใช้ Google AdWords, Yahoo วิธีนี้จะคุ้มค่ากว่าค่ะ เพราะคุณจะได้คนที่สนใจ คนที่หาอยู่แล้วเข้ามา (เพราะเค้าเป็นคน serach งัยคะ) เค้ามีพื้นฐานความต้องการอยู่แล้ว แต่คุณเองก็ต้องมีความชำนาญ มีความรู้ในการตั้งค่าต่างๆ ใช้ข้อความที่ดึงดูด เพราะวิธีนี้หากลงมือทำโดยขาดความรู้ความชำนาญ ก็จะเสียเงินโดยไม่เกิดผลลัพท์ค่ะ
6. การปั่นเวปของเราให้ติดอันดับต้นๆใน Search Engine วิธีนี้ เมื่อมีคนทำการค้นหา เวปเราจะโชว์ขึ้นมา คล้ายกัยมี่เราโฆษณากับ Google AdWords นั่นแหละค่ะ ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ รายชื่อที่ได้มา เราไม่ได้เสียเงินค่ะ และหากเราติดอันดับต้นๆของการ search หาแล้ว โอกาสที่คนจะหลั่งไหลเข้ามาดูเวปเราก่อนก็จะมีสูงมากค่ะ
7. การโฆษณากับคนที่อยู่ตามห้อง online สาธารณะ เช่น ใน camfrog, msn, skype วิธีนี้ โฆษณาเราจะน่าสนใจมากหากไปเจอคนที่สนใจ ดังนั้น คำโปรยต้องดี แต่ข้อเสียก็มี เพราะหากมีคนไม่พอใจเค้าก็จะใส่กลับมาเหมือนกัน วิธีนี้ใน camfrog ได้ผลสูงทีเดียว
8. การโฆษณากับ youtube : ใน youtube นั้น มีคนเป็นจำนวนมากเข้าไปในเวป แต่มีคนน้อยมากที่ทราบว่าทำการโฆษณาได้
9. การโปรโมทความเป็นมืออาชีพของเราให้เกิดความน่าเชื่อถือใน Social Network ต่างๆ วิธีนี้มีประสิทธิภาพมาก แต่ก็ต้องใช้เวลาและวิธีการที่ไม่ใช่การโฆษณา มิฉะนั้นแล้วคุณเองจะถูกลบออกไปไม่ต่างจาก Junk Mail เพราะเราเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่โฆษณาสินค้าหรือธุรกิจ
หากคุณทำเครือข่ายอยู่แล้ว ลองเอาคำแนะนำนี้ไปลองทำดูตามความถนัดได้ค่ะ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นวิธี Attraction Marketing นะคะ แล้วคุณจะทำได้ทุกข้ออย่างรวดเร็ว ภายหลังจากการที่คุณ Brand ตัวเองแล้ว และเมื่อมีคนเข้ามาในระบบของคุณการทำธุรกิจของคุณก็จะลื่นไหลในทันทีค่ะ

สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

บทที่ 7 การ Brand ตัวเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ

ทบทวนกันก่อนนะคะ เรากำลังทำการตลาดแบบดึงดูด หรือ Attraction Marketing โดยการทำให้คนรู้จักเราก่อน จากนั้นก็สร้างความสัมพันธ์คุ้นเคยด้วย Email Marketing และสุดท้าย คุณก็เริ่มโปรโมทความเป็นมืออาชืพขอคุณให้เกิดความเชื่อมั่น

ก่อนอื่นนะคะ คุณต้องทราบด้วยว่าในการทำการตลาดแบบดึงดูดนั้น หากจะให้ได้ผลตอนนี้ (ยุคนี้) คุณควรทำการตลาดกับสังคมออนไลน์ค่ะ ดังนั้นคุณก็ควรใช้ระบบสนับสนุนที่มีอยู่ในสังคมออนไลน์ หรือ Social Network นั่นแหละค่ะ
คืออะไรบ้างเหรอคะ คุณทราบไหมคะ ว่าเวปใหนคนเข้าไปดู TV มากที่สุด youtube ค่ะ และสังคมในอินเตอร์เนตล่ะคะ facebook, hi5, myspace, tagged หรืออีกเยอะเลยค่ะ การ Post webboard ก็ใช่นะคะ

ที่นี้ในการดึงดูดให้คนเข้ามาสนใจ คุณก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ค่ะ คุณต้องทำตัวให้น่าเชื่อมั่น หรือน่าคบนั่นเอง เมื่อมีคนเห็นว่าคุณน่าคบ น่าทำความรู้จักด้วย มีอะไรบางอย่างคล้ายๆกัน ซึ่งคุณเองก็ต้องทุ่มเทตรงนี้ด้วยนะคะ ในการสร้างความสัมพันธ์กับคนนั้น คุณเองก็ต้องกล้าโชว์ความเป็นตัวของคุณด้วย อะไรล่ะ รูปภาพคุณงัยคะ ขาดไม่ได้เลย เหมือนเวลาคุณอ่านหนังสือนิยายงัยค่ะ คุณจะเริ่มมีภาพตัวละครต่างๆในนั้น ทีนี้เมื่อคุณแสดงความมีตัวตนของคุณ เค้าเหล่านั้นก็ง่ายที่จะมาทำความรู้จัก ไม่ต้องลังเลมากนัก ว่าเอ คนนี้น่าคบมั๊ย และในการสร้างความสัมพันธ์นี้ จงอย่ากระทำการใดๆที่จะก่อให้เกิดความอึดอัดนะคะ เพราะคนเหล่านั้น จะเขี่ยคุณออกจากสารบบทันทีค่ะ

เช่น คุณเข้าไปที่ระบบ social network ซักตัว เอา Hi5 ได้ แล้วคุณก็ทำการขาย ขาย ขาย หรือโฆษณาธุรกิจของคุณทันที น่ารำคาญมั๊ยคะ ก็เหมือนตอนที่คุณไปไล่ล่าโทรศัพท์นั่นแหละค่ะ ผลก็เหมือนเดิม... ดังนั้น อย่าเชียวค่ะ

เราเปลี่ยนมาเป็นการสร้างความเชื่อมั่น (ว่าคุณคบได้!!) ด้วยการเริ่มต้นโปรโมทความเป็นมืออาชีพกันดีกว่าค่ะ ย้ำ โปรโมทตัวคุณนะคะ ไม่ใช่ธุรกิจ แล้วเราก็ควรเลือกที่จะโปรโมทในสิ่งที่จะแก้ปัญหาให้เค้า สิ่งต่างๆที่มีในระบบ ความสามารถ ความรู้ของคุณ ต้องแบบไม่เกินไปหรือโอ้อวดนะคะ จะเกิดการหมั่นไส้ ไม่น่าเชื่อถือค่ะ ดังนั้นจะให้ได้ผล ก็แสดงหลักฐานได้เลยค่ะ

ขั้นตอนนี้ ต้องใช้เวลานิดนึงนะคะ และบวกกับความตั้งบใจ ใส่ใจค่ะ และเมื่อขั้นตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลลัพท์มหาศาลจะเกิดขึ้นแน่นอน

ในการเป็นมนุษย์แม่เหล็กของคุณนั้น หากคุณทำเครือข่ายอยู่แล้ว สร้างความสัพพันธ์กับคนในสายงานไว้มากๆนะคะ สิ่งนึงที่คุณได้จากการทำเครือข่าย แน่นอนอยู่แล้วคือการมี Relationship ใหม่ๆ คุณจะได้มีโอกาสพบปะคนต่างสายงานมากมาย นายแพทย์ นักธุรกิจ สถาปนิก เยอะแยะค่ะ เพราะว่าหากวันนึง คุณอาจจะได้เค้ามาเป็นเครือข่ายของคุณแบบไม่ต้องโปรโมทด้วยซ้ำค่ะ และข้อดีของคนเหล่านั้นคือ เค้ามีพื้นฐานการทำธุรกิจอยู่แล้วงัยคะ ทักษะของเค้าจะทำให้ระบบของคุณไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ

สนใจการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

วันพุธ

บทที่ 6 Email Marketing คืออะไร??

จากบทที่แล้ว คุณได้รับทราบแนวทางคร่าวของการสร้างรายชื่อของคุณเองแล้วนะคะ ทีนี้ หลังจากมีรายชื่อแล้วเราควรจะทำอะไรต่อไปล่ะ

จำโฆษณาประกันชีวิตที่เปรียบคนหาประกันเป็นแมลงสาบได้มั๊ยคะ แมลงสาบตัวนั้นเอาตัวไปคลุกคลีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยความเต็มใจด้วยนะ เพราะทัศนคติที่ดีของแมลงสาบตัวนั้น ซึ่งจะคอยไปช่วยยกของแบกของด้วยความสงสารเด็กงัยคะ นั่นหมายความว่าคุณเองต้องมีทัศนคติ หรือมีวิธีสร้างทัศนคติที่ดีด้วย และนี่คือหัวใจต่อมานะคะ เราเรียกกันว่า “การติดตามผล” ค่ะ

ในอดีต การติดตามผลส่วนใหญ่คือการโทรศัพท์ สวัสดีค่ะ ดิฉันคือ ..... มีทั้งแบบดุๆ เด็ดขาด หรือแบบนิ่มๆโน้มน้าวตามแต่จะถนัด ลองนึกภาพตัวคุณนะคะ ทานข้าวอยู่บ้าง ทำงานอยู่บ้าง อยู่กับเจ้านายบ้าง หรือกำลังจะพาลูกเข้านอนบ้าง คุณรู้สึกอย่างไรกับโทรศัพท์เหล่านั้น... ค่ะ รำคาญ เบื่อ แล้วก็ลืมไปเลยว่าคุณนั่นแหละเป็นคนเคยกรอกข้อมูลเข้าไป คนที่โทรเข้ามา แม้จะมีสคริปต์สุดยอดก็แล้วเถอะค่ะ แต่พอไปทำการโทรติดตามผิดเวลาก็ถูกพาลโกรธ เผลอๆโดนด่าด้วย จริงมั๊ยคะ? และแล้วเราก็สูญเสียรายชื่อที่หามาได้ยากลำบากและมีค่า (ซื้อมาเท่าไหร่ล่ะ) นั้นไป

แล้วถ้าเป็นการติดตามผลแบบพร้อมให้ติดตามล่ะคะ .... ยังงัยล่ะ ... จากหัวข้อเรื่องวันนี้งัยคะ Email Marketing ค่ะ เราเองเป็นคนที่เมื่อว่างจึงเช็คเมล์ที่เข้ามา ถูกต้องมั๊ยคะ นั้นหมายความว่า ระบบ Email Marketing ถูกออกแบบมาให้คนที่พร้อมให้ติดตามผล ถูกติดตามค่ะ!! ถูกที่ ถูกเวลากว่ามั๊ยคะ และมีเปอร์เซ็นต์ต่ำมากค่ะที่จะสูญเสีย เพราะเราจะทำกันแบบถูกวิธีค่ะ เป็นการสานความสัมพันธ์ให้เกิดความคุ้นเคยค่ะ

การติดตามผ่าน Email Marketin เป็นการติดตามที่มีประสิทธิภาพ เราเองไม่ต้องวุ่นวายกับการหาที่หลบซ่อนเจ้านายไปโทรศัพท์ เพราะระบบของ Email Marketing จะถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติค่ะ และเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เค้าเหล่านั้นจะเป็นผู้ติดต่อคุณเข้ามาเอง ไม่ว่าจะโทรเข้ามา หรือส่ง Email มาสอบถามเพิ่มเติมค่ะ
ง่ายกว่าไหมคะ? ช่วยได้มากเลยด้วยสำหรับคุณที่เป็นมือใหม่ เอาเวลาไป Promote ตัวคุณอย่างเดียว ที่เหลือให้ระบบ Email Marketing ติดตามค่ะ และคุณยังสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมในแบบที่ระบบที่คุณสร้างไว้ให้กับเค้าได้เลยเช่นกัน เช่น ดิฉันจะส่ง Blog นี้ให้คุณอ่านค่ะ ถ้าคุณได้รับข้อมูลจากการPromote ของดิฉัน นั่นคือดิฉันกำลัง Brand ตัวเองให้คุณรู้จัก จริงมั๊ยคะ

และยังสามารถทำให้ผู้ที่บังเอิญเพียงสงสัยว่าสิ่งที่คุณ Promote อยู่ในเวป (หรือในทุกวิธีที่คุณสร้างรายชื่อ) คืออะไร เค้าก็จะถูกติดตามผลไปโดยอัตโนมัติค่ะ ลองนึกภาพนี้นะคะ คุณกำลังเบื่อๆ งานเสร็จแล้ว หรืออยากพักสายตา พักสมอง คุณผ่านเข้าไปที่เวปบอร์ด คุณคลิ๊กเข้าไปอ่านเวปที่ดิฉัน Promote ไว้ คุณกรอกข้อมูลและกำลังอ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ มีเหตุต้องทิ้งหน้าจอ เพราะมีกิจอื่นต้องไปทำ คุณปิดเครื่อง.... แล้วถ้าคุณยังอยากรู้ต่อ แต่ไม่ได้จดลิงค์ดิฉันไว้ ... จบกัน...ใช่มั๊ยคะ

แต่ไม่หรอกค่ะ ด้วยระบบที่ Email Marketing ที่ใช้อยู่ รุ่งขึ้นจะมีเมล์จากดิฉันไปทักทายคุณค่ะ!! เป็นการสร้างสัมพันธ์แบบต่อเนื่องเหมือนแมลงสาบตัวนั้นงัยคะ

แต่ระบบ Email Marketing ก็ยังเป็นเพียงการติดตามผลนะคะ หัวใจหลักก็จะยังเป็นคุณค่ะ คุณที่ Brand ตัวเองไว้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะนั่นเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในตัวคุณต่ะ เป็นการความสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นก่อน ก้อแหม... จะมาทำธุรกิจด้วย ต้องใช้อีกหลายปัจจัยนะคะ

แล้วหน้าที่ต่อไปของคุณ ซึ่งเคยรู้สึกว่ายากมากๆในอดีตคือการปิดการขายและรับสมัครคน จะเปลี่ยนไปทันที เพราะด้วยหลักการตลาดแบบดึงดูดนี้ คุณได้ดึงดูดเค้าเหล่านั้นมามากกว่าครึ่งแล้วค่ะ หน้าที่คุณไม่ใช้การโน้มน้าวอย่างที่เคยบอกไว้ จำได้มั๊ยคะ แต่หน้าที่คุณคือการเลือกคนที่ใช่ค่ะ

ใครคือคนที่ใช่ คนที่จริงจังและพร้อมเรียนรู้ในทันทีค่ะ หากคุณดูแล้วว่าเค้ายังไม่จริงจัง ก็ปฏิเสธในการเข้าร่วมกับเราไปได้เลยค่ะ เพราะจะเป็นการเสียเวลาเปล่ากับคนที่ไม่จริงจัง และขอให้สอนการตลาดแบบเดียวกันนี้ให้กับคนที่มาเข้าร่วมกับคุณนะคะ การรับคนเข้ามาให้เยอะๆๆๆๆ ก่อน แล้วสอนงาน เหนื่อยค่ะ เค้าเองก็คาดหวังรายได้ แต่เค้าไม่ทำ เอาแต่พร่ำบ่น เครียดมั๊ยล่ะคะ

เห็นหรือยังค่ะ คุณเปลี่ยนจากผู้ไล่ล่าเป็นผู้ที่ถูกคนตามล่าแล้วค่ะ น่าตื่นเต้นกว่ามั๊ยคะ
บทต่อไปเราจะมาเรียนรู้ การ Brand ตัวเองกันค่ะ ว่าการ Promote ความเป็นมืออาชีพให้คนเชื่อมั่นในตัวเราทำอย่างไรค่ะ

ดูตัวอย่างระบบบางส่วนได้ที่นี่ค่ะ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com ค่ะ

วันจันทร์

บทที่ 5 มนุษย์แม่เหล็ก!?!

เราก็ได้เรียนรู้กันแล้วว่าข้อดีมากมายในการทำธุรกิจแบบ Attraction Marketing หรือการทำระบบการตลาดแบบดึงดูดในธุรกิจเครือข่ายดีอย่างไรแล้ว สิ่งต่อไปก็คือ วิธีการที่เราจะนำมาใช้อย่างเหมาะสมและให้ได้ผล ทำอย่างไร....

จากบทความก่อนหน้า คุณคงเห็นด้วยแล้วล่ะ ว่า การทำตลาดแบบดึงดูดของเราจะประสพผลเมื่อเราทการโปรโมทการเป็นมืออาชีพของเราด้วย ผลก็คือทำตัวเป็นมนุษย์แม่เหล็กนั่นเอง สร้างตัวเองขึ้นมาให้เป็นที่รู้จัก แนะนำ วิธีการที่สำเร็จผลโดยวิธีการที่ทำได้จริง จนคนรู้จักเราในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ หรือเป็น Expert เมื่อเราทำสำเร็จ เราก็เปรียบเสมือน มนุษย์แม่เหล็กนั่นเอง แล้วที่นี้เราก็เลือก ว่าจะดึงดูดอะไรในอดีตนั้น การทำธุรกิจเครือข่าย สิ่งแรกที่ Upline คุณบอกให้ทำก็คือ การสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังใช่มั๊ยคะ มาเลยค่ะ เข้าห้องประชุมกัน เอ้า เขียนรายชื่อมาเลย ใครไวสุดรับรางวัลไป เป็น Product นั่นแหละ บ้างก็สมุดโน๊ต (เค้าก็ให้คุณไว้ใส่รายชื่ออีกเหมือนกันค่ะ) ทีนี้ เค้าก็จะบอกคุณว่าเริ่มที่คนรู้จักก่อนนะ นึกง่ายๆว่าหากคุณจะแต่งงานเดือนหน้า คุณจะเชิญใครมางานบ้าง หรือดูในโทรศัพท์คุณได้เลยค่ะแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างคะ เวลาคุณติดต่อเค้าเหล่านั้นไป...

ถ้าปรกติโทรหากันประจำอยู่แล้วก็แล้วไปเถอะ เค้าอาจจะงงๆนิดหน่อยว่าเอ..วันนี้มาแปลก พูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย แต่กับคนที่นานๆ คุณจะโทรไป แถมคุณก็ยังอึกๆอักๆอีก ยิ่งกับคนที่เค้ามีทัศนคติไม่ค่อยดีอยู่แล้วกับเรื่องพวกนี้ ...คุณกำลังจะเสียเค้าไปแล้วค่ะทั้งๆที่คุณรู้สึกว่า เอ..เราก็แค่อยากให้รู้จักสิ่งดีๆที่เรารู้มานี่นาข้อนึงนะคะธุรกิจส่วนใหญ่ที่ให้คุณรีบร้อน list รายชื่อแล้วให้คุณรีบติดต่อนั้น คุณเองทราบทุกเรื่องในสิ่งที่คุณจะเอาไปบอกต่อเค้าหรือยังคะ ...ไม่หรอกค่ะ จริงมั๊ย ต่อให้คุณมี upline ช่วยเหลือ แต่คุณเองต่างหากที่ควรรู้ให้มากที่สุดก่อนเพราะเค้าเป็นคนที่คุณรู้จัก แต่ก็ไม่มีระบบที่คุณจะเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมดได้ในเวลาที่คุณอยากรู้ เลิกงานเย็น กว่าจะป้อนข้าวลูก พาเข้านอน เอ... ก็ว่างพร้อมเรียนตอนหลังสามทุ่มนี่นา.... ไม่ได้ค่ะ! คุณต้องรอให้มีการประชุม พาตัวเองเข้าไป บางครั้งต้องลางาน เปลี่ยนกะ แล้ว จด..จด...จด.. ทีนี้รายชื่อคน 100 คนนั้นกับการรีบร้อนเรียนรู้ รู้บ้างไม่รู้บ้าง ก็แทบจะกลายเป็น 100 คนแรกที่คุณไล่เค้าออกไปจากชิวิตคุณแทน

เรามาดูวิธีอื่นๆกันค่ะ ใช้เงินโฆษณา ใช้เงินซื้อรายชื่อ ไม่ใช่ถูกๆนะคะ แล้วใช่ว่ารายชื่อเหล่านั้นจะใช้ได้ไปซะทั้งหมด มาที่การ spam mail อันนี้ผิดกฎหมาย ต้องระวังค่ะ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณต้องใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งงบประมาณ เหนื่อยกับการโทรศัพท์ติดตามผลครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาหมดไปเรื่อยๆ พร้อมจำนวนเงิน ใหนจะต้องสร้างรายได้ด้วย ไหนจะการประชุมอีกล่ะ เอ....มาถึงบรรทัดนี้ อิสภาพทางด้านเวลาอยู่ตรงใหน หรือเมื่อไหร่จะถึงเวลาคะ

ข่าวดีค่ะ... การสร้างรายชื่อของระบบ Attraction Marketing หมายถึงการที่คุณเป็นมนุษย์แม่เหล็กที่ทำให้รายชื่อของคุณมีความเชื่อมั่นในตัวคุณ แล้วไม่ว่าคุณจะขยับตัวไปทางใหนเขาเหล่านั้นจะตามคุณไปเองค่ะ คุณจะไม่ต้องเสียเวลากับการโฆษณาธุรกิจหลากหลายด้าน เพราะคุณต่างหากที่เค้าควรจะเชื่อมั่น แล้วจึงมองตัวธุรกิจ งานของคุณจึงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง จากการสร้างรายชื่อผู้ที่สนใจธุรกิจนั้นๆ แต่มาเป็นการสร้างรายชื่อของคนที่ต้องการเรียนรู้วิธีการทำธุรกิจให้สำเร็จ เพราะหากคุณเพียงสมัครเพื่อให้ได้เขาเข้ามาก่อน คุณจะมีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ในการที่เขาเหล่านั้นจะเริ่มต้นทำงานสร้างเครือข่ายไปกับคุณ แต่หากเป็นผู้คนที่คอยติดตามความเป็น Expert ของคุณ เมื่อเขาก้าวเข้ามา นั่นย่อมหมายความว่าเขาเหล่านั้น พร้อมจะเรียนรู้และปฏิบัติจริงไปด้วยค่ะ การสูญเสียคนจึงเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำมากในการทำงานเชิงปฏิบัติ เพราะการทำงานในเชิงนี้ เราจะคุยกับผู้ที่สนใจ ไต่ถามกันก่อนถึงเหตุผล อะไร ทำไมเค้าจึงอยากก้าวเข้ามา เห็นมั๊ยคะ เรายิ่งหนี เค้ายิ่งตาม ไม่ใช่เล่นตัวค่ะ แต่เราเป็นฝ่ายหาคนที่ใช่ ไม่ใช่ไล่ล่าใคร

อ่านมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกเปลี่ยนมั๊ยคะ? และคนที่เรารับเข้ามา จะเป็นคนที่มีคุณภาพด้วยค่ะ เราพร้อม เค้าพร้อม ไปด้วยกันค่ะ

ครั้งหน้า มาดูกันนะคะว่า เราจะมีวิธีใดที่จะทำให้เขาเหล่านั้นหาเราเจอค่ะ

ดูตัวอย่างระบบบางส่วนได้ที่นี่ค่ะ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com ค่ะ

วันศุกร์

บทที่ 4 Attraction Marketing !?!

Attraction Marketing ชื่อก็บอกแล้วนะคะ ว่าเป็นการทำการตลาดแบบดึงดูด แล้วเราจะดึงดูดอะไรล่ะ... นี่งัยคะ
- การที่คุณจะได้คนหลั่งไหลเข้าเวปของคุณโดยที่คุณไม่เสียเงินทำการโปรโมตกับเวปอะไรเลย
- การที่คุณจะได้คนสนใจมาเข้าร่วมโดยที่คุณไม่ต้องวุ่นวาย กระหน่ำโทรหาใคร เพราะเขาจะวิ่งมาหาคุณเอง
- การที่คุณจะมีคนสมัครโดยไม่ต้องเสียเวลาโน้มน้าวใคร หน้าที่ของคุณคือสมัครเขาเท่านั้น แถมคนเหล่านั้นยังแย่งกันที่จะเป็นต้นสายกับคุณด้วย
- คุณจะถูกเปลี่ยนจากผู้ไล่ล่า (ที่แสนจะไม่ชอบ) มาเป็นผู้ถูกล่า ขอมาทำด้วย
- คุณจะเปลี่ยนบริบทจากการเป็นผู้ถูกปฎิเสธของคนที่คุณไล่ล่า มาเป็นคุณที่จะเป็นผู้คนปฎิเสธคนที่คุณคิดว่าเค้ายังไม่ใช่

แล้วสิ่งที่กล่าวมานี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงเหรอ?? ถ้ามีจริงก็ดีสิ? คุณกำลังคิดแบบนั้นใช่มั๊ยคะ เพราะคุณเองก็ทั้งเหนื่อยกับการโทรตามจิกคน ท้อกับการถูกปฎิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ข่าวดีก็คือ ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วค่ะ และจะเป็นแสงไฟสปอร์ตไลท์ส่องทางให้กับคนทำธุรกิจเครือข่ายจริงๆ

จากที่ได้เกริ่นนำมาข้างต้น คุณคงได้เข้าใจไอเดียของการตลาดแบบดึงดูดที่จะเข้ามาแทนรูปแบบการทำตลาดเครือข่ายแบบเดิมๆที่ไล่คนออกจากชีวิตไปแล้วนะคะ

สิ่งสำคัญต่อไปนี้คือวิธีการของระบบการตลาดแบบดึงดูดล่ะค่ะ ซึ่งระบบนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของตัวคุณเองทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนที่สนใจในเครือข่ายที่จะมาเข้าร่วมกับคุณด้วย

ลองดูตัวอย่างนี้นะคะ ถ้าหากคุณกำลังจะทำธุรกิจเครือข่ายสักตัวกับคน 2 ประเภท ที่ทำเครือข่ายอันเดียวกัน คนที่1 มีความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์เลย กับอีกคนเป็นคนที่ทำการตลาดเครือข่ายทั่วๆไป ที่ทำตามที่ปรึกษาแนะนำ (ที่มักจะพูดเสมอว่าก็อปปี้ที่ปรึกษา!!)

คุณว่าคุณจะเลือกทำกับใคร แน่ๆใช่ไหมคะว่าคุณจะเลือกทำกับคนที่เป็นปรมาจารย์คนนั้น ซึ่งคนอื่นก็เหมือนกันกับคุณนั่นแหละค่ะ ทุกๆคนจะเลือกทำตามคนที่เขามั่นใจว่าจะนำพาเขาสู่ความสำเร็จ และแทบทุกคนจะเลือกคนเป็นผู้นำเสมอ สองประเด็นนี้คือหัวใจของการตลาดแบบดึงดูด ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่คุณควรสร้าง ไม่ใช่ความเชื่อมั่นในตัวบริษัทหรือแผนการตลาดเพียงอย่างเดียว ความเชื่อมั่นของคนอื่นต่อตัวคุณเองนั้นสำคัญที่สุดค่ะ ดังนั้นหยุด!!!โฆษณาโอกาสทางธุรกิจกันเสียทีเถอะค่ะ เพราะคุณก็จะเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ที่ทำเครือข่ายที่พากันไปทำโฆษณาขยะตามเวปต่างๆ แต่คุณควรต้องมุ่งโปรโมตความเป็นมืออาชีพของตัวคุณเอง มุ่งการพัฒนาความเป็นมืออาชีพของตัวเอง เปลี่ยนบริบทของคุณจากการเป็นผู้ล่า ให้เป็นผู้ถูกล่าที่มีคนถวิลหาอยากจะเจอ คราวนี้คุณจะเข้าสู่ระบบการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing แบบเต็มตัว

คราวหน้าเราจะมาเรียนรู้ว่า Attraction Marketing จะเข้ามาเป็นส่วนประกอบอย่างไรในธุรกิจของคุณและมีส่วนไหนบ้างที่จะเสริมธุรกิจของคุณได้

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านบทความจนจบนะคะ หวังว่าบทความนี้น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่ทำเครือข่าย หรือแม้แต่ธุรกิจอื่นๆ และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในธุรกิจของคุณเองให้สำเร็จยิ่งขึ้น เปลี่ยนมุมมองของคุณและคนอื่นๆกับธุรกิจเครือข่ายกันเสียใหม่เข้า ดูตัวอย่างระบบ Attraction Marketing บางส่วนได้ที่นี่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com ค่ะ

บทที่ 3 ทำไม (ต่อ) ถึงเครือข่าย

หลังจากทำงานจยอิ่มตัว ประกอบกับมีครอบครัว ลองมาถามตัวเองกันดูว่า สิ่งที่เราๆ ทำกันอยู่ทุกวันนั้น เพื่ออะไร? ยอมรับกันดีกว่า ก้อเพื่อสร้างกระแสเงินสด ไว้ซื้อหา (สนอง)ความต้องการต่างๆ ของเราเองนั่นแหละ

เด็กๆคุณอาจจะอยากได้แค่ตุ๊กตา, รถแข่ง, เกมส์คอมพิวเตอร์ พอคุณโตขึ้นคุณก้อเปลี่ยนมันเป็น โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ คอมพิวเตอร์เจ๋งๆ รถแรงๆ บ้านงามๆ ใช่มั๊ยคะ

ที่นี้ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงและดันตัวเองให้คนรอบๆตัว (เช่นเจ้านาย) เห็นศักยภาพที่ของคุณที่คุณว่าคุณมีนะ มีจริงๆ มีมากมายจนควรจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและกินเงินเดือนได้ถึงจุดสูงสุดของสิ่งที่คุณทำอยู่ได้ ... ทุกคนหรอกใช่ไหมคะ

ถึงเวลาที่คุณจะมองทางเลือกอื่นบ้างแล้วล่ะ ลองดูในอินเตอร์เนท อุปกรณ์พื้นฐาน(ในยุคนี้) ดุสิคะ มีธุรกิจ ธุรกิจ และธุรกิจมากมายในนั้น ถ้าคุณกระโจนไปเลือกสักตัวแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ก้อเหมือนคุณซื้อลอตเตอรี่ (หวย !!)นั่นแหละ มีไม่กี่เปอร์เซ็นหรอกที่ถูกรางวัล และถ้าคุณยิ่งซื้อมันแบบผลีผลาม ก้อยิ่งยากขึ้นไปอีกที่จะได้เงินรางวัล

ปัญหาพี้นๆของคนทำธุรกิจเครือข่ายคือ ยิ่งทำธุรกิจเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีใครอยากคบหาหรือไม่มีใครอยากเข้าใกล้ รู้ไหมว่าปัญหามันเกิดเพราะอะไร?????
-ถ้าเวลาไปเที่ยวเพื่อน ในกลุ่มเพื่อนมีอยู่คนหนึ่งคุยแต่เรื่องธุรกิจให้เพื่อนฟังคุณจะรู้สึกอย่างไร
-ถ้าเวลาเจอหน้าญาติเมื่อไหร่ เป็นต้องแนะนำผลิตภัณฑ์หรือโอกาสทางธุรกิจกับไปซะทุกครั้ง เป็นคุณๆชอบหรือไม่
-เพื่อนไม่เคยคุยกันมาเป็นปีๆ โทรมาบอกว่ามีผลิตภัณฑ์มาเสนอ หรือมีโอกาสธุรกิจมาเสนอคุณอยากฟังไหม (ก่อนหน้านั้นไปอยู่ไหนมาเนี่ย)
-เปิดหน้าเวปก็เจอแต่โฆษณาโอกาสทางธุรกิจเต็มไปหมดท่านปิดเวปนั้นทิ้งหรือเปล่าล่ะ มันเยอะเกินไป อ่านไม่ทัน

คราวนี้พอมองเห็นหรือยังคะว่า การทำงานเครือข่ายที่ที่ปรึกษาแนะนำให้คุณทำว่าเวิร์คนักหนา ทั้งลิสต์รายชื่อคนรู้จัก 100 คน แล้วกระหน่ำโทรหา หรือคุยกับทุกคนบนท้องถนน หรือรีบโทรไปบอกเพื่อนว่าเราทำธุรกิจอยู่มาทำกับเราด่วน แนะนำสิ่งดีๆให้คนใกล้ตัว ใช้ดีแล้วบอกต่อ (คำนี้เขาฮิตกันจัง) ทุ่มเงินลงในเวปเพื่อโปรโมตหรือซื้อรายชื่อมาโทรกันเลย (กี่หมื่นเข้าไปแล้วล่ะ) แจกซีดีด้วย(คุณแหละต้องไปซื้อมาไว้แจก) ทุกอย่างที่กล่าวมากำลังเป็นระบบที่ผลักไสไล่ส่งคนอื่นให้ไปไกลๆจากคุณนั่นแหละ (ก็ทำมาแล้วแหละค่ะ ถึงพูดได้)

ลองมองดูดีๆจะพบว่า เรากำลังทำธุรกิจเครือข่ายที่ต้องการคนเข้ามาร่วมแต่ระบบที่ทำอยู่กลับกำลังกำลังไล่คนหนี....!!!! ใช่มั๊ยคะ

นี่ละค่ะทำไมคนทำเครือข่าย 99% ไม่ประสบความสำเร็จ ได้น้อยกว่าเสีย สุดท้ายก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ในการทำธุรกิจคือการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ธุรกิจ A H B C ก็จะกลายเป็นของขวัญในความล้มเหลวต่อไปของท่านคนเดียวกัน ทำงานแบบเดียวกัน ใช้ระบบเหมือนๆกัน ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างกันมาหรอกจริงมั๊ยคะ ถ้าหากทำอย่างนึงแล้วไม่ดี เราก็ย้าย ไปเจอที่เหมือนๆกันเข้าไปอีก แล้วจะทำอะไรๆที่เป็นแบบเดิมๆกันไปทำไมล่ะ บทต่อไป Attraction Marketing ค่ะ

เข้าดูตัวอย่างระบบนี้ได้ที่นี่ก่อนก็ได้นะคะ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com ค่ะ

วันอังคาร

บทที่ 2 ทำไมเราต้องทำงาน ..งานที่ทำอยู่??

วันนี้มาคุยกันต่อนะคะ หลังจากที่ใช้เวลาดูแลลูกสาวที่ปิดเทอม เตรียมการในวันเปิดเทอมให้เรียบร้อยแล้ว

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าทำงานประจำมาเป็นสิบปี แล้วทำไมมาทำเครือข่าย....

คุณๆเคยลองมาคิดมั๊ยคะ งาน หรือสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทำไมเราทำกันอยู่? คำว่าทำไมนี่ถ้าต้องตอบล่ะก็ เป็นรื่องใหญ่เลยเชียว ย้อนกันไปตอนที่ได้มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ สาเหตุหลักเพราะสอบไม่ติดนั่นแหละค่ะ แล้วพอมาเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ปรากฎว่าปรับตัวไม่ได้ อันนี้คือตัวเองนะคะ เคยเรียนโรงเรียนแบบสาธิตมา เรียนมา 12 ปี โรงเรียนเดียวนี่แหละ เหมือนมีโลกอีกใบ มีความสุขนะคะ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ มีรักกันบ้างทะเลาะกันบ้างตามช่วงวัยนั่นแหละ เป็นบ้านที่สองเลยเชียว

ทีนี้โลกเปลี่ยนไป กว้างขึ้น คนเยอะขึ้น ไม่คุ้นกันเลย ระเบียบ การเรียน แตกต่าง มันงงจนในที่สุดหันมาอ่านข้อสอบเก่าๆเอาแล้วไปสอบ จนกระทั่งดูท่าไม่ดีละ ประกอบกับมีโอกาสจึงไปเรียนต่างประเทศ ทีนี้เรียนอะไรล่ะ เริ่มที่ภาษาก่อน แล้วด้วยความที่ต้องเรียนให้ต่อเนื่อง ก็เลือกที่ง่ายที่สุด (สำหรับเรา)ก่อน ไปเรียนพวกเลขา บัญชี แล้วพอจบ ก็อยากหาประสพการณ์ เลยทำงานต่ออีกสองปี ทีนี้ได้ภาษาและโลกทัศน์จริงๆ เพราะประเทศที่ไปมีหลากเชื้อชาติ

การกลับมาบ้านเกิดหลังจากนั้น การทำงานเริ่มขึ้นที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร โชคดีที่พี่ที่ต่างประเทศคงดูออกว่ามันคงงง เริ่มต้นไม่ถูกแน่ๆ เลยฝากของมาให้ผู้ใหญ่ที่รู้จักซึ่งทำงานโรงแรม นั่นแหละค่ะการทำงานแรกจึงเริ่มขึ้น ทำไมต้องโรงแรม เพราะเป็นสถานที่ๆต้องใช้ภาษาแน่นอน ไม่ว่าคุณจะงงๆมาอย่างไร คุณต้องได้สื่อสารแน่ๆ การทำงานจึงเริ่มต้นจากนั้น โดยมีคำตอบว่า นี่แหละ เริ่มง่ายสุด พูดได้ ฟังออก เรียนระบบ ทำตามขั้นตอน มีปัญหาก้อส่งให้หัวหน้างานจัดการ เรียบร้อย กลับบ้าน ทำงานแบบมีหัวหน้าแก้ปัญหาให้โดยตลอดจนชำนาญ พอมีโอกาสยื่นมาให้เป็นหัวหน้าแผนก ก้ออาศัยความรู้ที่ซึมซับเข้ามา apply เข้าไปเป็นหัวหน้าแผนกบ้าง

ผ่านไปเป็นสิบปีเชียว เคยหลุดไปนอกวงจรไปทำบริษัทนำเข้าเสื้อผ้าไฮโซ ค่ะ ไฮโซไป แค่ 9 เดือน กลับมาทำงานโรงแรมดีกว่า

ทีนี้อ่านมาจนมาถึงบรรทัดนี้ รู้มั๊ยคะว่าทำไมเราทำ(งาน)ที่ทำๆกันอยู่ ...ตอบแบบง่ายๆ ก็ง่ายๆแหละค่ะ มันง่าย ที่ง่ายก็เพราะเราถนัด ความถนัดเกิดขึ้นตั้งแต่เราทำงานแรกแล้ว....มันใช่ เราเลยทำมันมาตลอดพร้อมการเรียนรู้ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น จริงมั๊ยคะ....

วันพุธ

บทที่ 1 รู้จักกันสักนิด

สวัสดีค่ะ

เศรษฐกิจตอนนี้ ผสานกับการเมืองที่ยังไม่นิ่ง พาให้ความมั่นคงในการทำงานของหลายๆคน คลอนแคลนไปด้วย บ้างก็โดนเพ่งเล็ง บ้างก็ไม่รู้จะได้บรรจุรึเปล่า หรือ บ้างก็โดนให้ออกมาแล้ว

ทีนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่ internet เฟื่องฟู หลายๆคนว่างจัดก็เล่นเนทเวลานายไม่อยู่หรือช่วงพักเที่ยง หรือช่วงที่บอกตัวเองว่าเครียดละ คลายเครียดสักหน่อย พอเข้าเนทดูโน่น นี่ นั่น ก็มักจะมีพวก pop up อะไรแว๊บๆมา หรืออ่านกระทู้เรื่องเงินทองๆประเภทงานเสริม งานประจำ งานทางเนท ซึ่งก็มีมากมายเหลือเกิน

ทีนี้ในฐานะที่เจอมาเยอะละ ทำมาก็ไม่ใช่น้อย ทั้งๆที่ทำงานประจำมาเกือบยี่สิบปี ตำแหน่งสุดท้ายเป็นถึงหัวหน้าแผนก ถามว่าทำไมถึงไปทำงานเครือข่ายได้ล่ะ คำตอบคือเหตุการณ์พาไปค่ะ ประกอบกับคนชวนให้ความมั่นใจมาว่าทำได้ เลยตัดสินใจด้วยตัวเองว่า ออกเถอะเรา

ทั้งนี้งานเครือข่ายแรกก็ดีนะ ทำให้ต้องเดินทางถี่มากๆ เข้างานประชุมทุกเดือน บางเดือนก็หลายครั้ง บางทีออกนอกประเทศด้วย แต่เดี๋ยวก่อน ก็ไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิด ค่าเดินทาง ค่าห้องพัก ค่าเข้างานประชุม ใครจ่าย ก็ตัวเรานั่นแหละ หากคิดจะทำ คิดตรงนี้กันด้วยค่ะ