วันอังคาร

ธุรกิจกับการให้

หายไปนานค่ะ ท่านใดที่ติดตามอยู่ ขอรบกวนติดตามอ่านที่ http://kusumamlmexpert.com แทนนะคะ เพราะลูกเล่นเยอะหน่อยน่ะค่ะ

ขอส่งบทความเรื่องการให้อีกที่นะคะ ท่านใดที่ทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจทั่วไป หรือธุรกิจเครือข่าย Online MLM ต่างๆนะคะ ดิฉันมีหนังสือดีๆมาแนะนำค่ะ

The Go Giver ค่ะ หรือยิ่งให้ยิ่งได้ เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ พกไปอ่านได้ทุกที่ เขียนผูกเป็นเรื่องราว อ่านสนุกมากค่ะ และที่อยากให้อ่านเพราะจะทำให้คุณมีมุมมองในการทำธุรกิจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และทำงานได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น

ผู้เขียนคือบ๊อบ เบิร์ก และ จอนห์น เดวิด มานน์ ค่ะ ตอนที่ได้มานี่ก็พิมพ์เป็นครั้งที่ 6 เข้าไปแล้ว แนะนำอย่างยิ่งค่ะ

หนังสือจะเล่าถึงชายผู้นึงที่ต้องการปิดยอดไตรมาสตัวเอง โดยที่เค้าต้องการเข้าถึงผู้ที่น่าจะให้งานเค้าได้ แต่ปรากฎว่าเค้าได้เรียนรู่กฎต่างๆของการให้ และ... อุบไว้อ่านเองเลยค่ะ

แล้วพบกันที่ http://kusumamlmexpert.com นะคะ และขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ มีข้อแนะนำใดๆ รบกวนเขียนแนะนำได้ที่ http://kusumamlmexpert.com เลยนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านค่ะ

วันเสาร์

บทที่ 16 คุณธรรมนำความสำเร็จ

คยไหม บางครั้งเราว่าเราเก่งแต่ทำไมไม่สำเร็จเสียที ขอแนะนำว่าในการลงมือทำงาน ไม่ว่าในสายงานใดๆ สิ่งที่ควรจะมีคือคุณธรรม

Downline ทุกคน ย่อมอยากประสพความสำเร็จ แต่ถ้าคุณเป็น Upline ที่เอาแต่แสวงหาผลประโยชน์ ปกปิด และบิดเบือนข้อเท็จจริงของธุรกิจเพียงเพื่อประโยขน์ของตนเองนั้น ในที่สุด Downline ของคุณเมื่อได้รู้สิ่งที่คุณพยายามปกปิด ผู้ที่จะเสียหายก็คือคุณนั่นเอง เพราะในธุรกิจเครือข่ายนั้น สิ่งที่คุณควรทำคือแนะนำรายละเอียดทุกด้านในตัวธุรกิจ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ที่สนใจติดต่อคุณ ไม่ใช่การปกปิดบางส่วน เพียงเพื่อให้มีคนมาสมัครกับคุณง่ายๆเพียงเท่านั้น

และในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้น เมื่อ Downline ของคุณมีสายงานใต้ล่างเค้า ไม่ว่าคุณอาจจะเคยช่วยเหลือในการพูดคุยหรือแนะนำให้เค้ามีสายงานต่อ (ซึ่งจริงๆแล้ว มันเป็นหน้าที่หนึ่งของคุณ) คุณก็ควรแสดงความยินดีกับ Downline ของคุณอย่างจริงใจและปล่อยวางความรู้สึกเป็นบุญคุณแห่งการช่วยเหลือ มารยาทในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้น สายงานที่เกิดใต้ล่าง Downline ก็คือสายงานของ Downline ไม่ใช่สายงานของคุณ หากคุณยึดติด คุณก็จะพะวักพะวง และลืมตัวจนเกิดความโลภในโอกาสต่อไป

หากคุณเองเป็นคนที่มีความสามารถและทำหลากหลายธุรกิจ มารยาทหลักข้อหนึ่งคือ หากจะทำธุรกิจใหม่ๆร่วมกัน Downline ก็ควรไปต่อสาย Upline เดิม เพราะหากคุณขอให้มาทำกับคุณ แต่คุณทำธุรกิจในแบบปกปิดบิดเบือนข้อเท็จจริง ย่อมไม่มีใครอยากทำกับคุณอยู่ดี

คุณธรรมที่สำคัญมากก็คือ การสำนึกในบุญคุณของครูบาอาจารย์ การที่มี Upline คอยสอน คอยแนะนำวิธีทำงานจนคุณสามารถทำธุรกิจด้วยตัวเองได้แล้วนั้น จงให้ความสำคัญและระลึกถึงสิ่งดีๆที่ได้เรียนรู้ และนำไปสอนต่อ ไม่ใช่เหยียบย่ำ ข้ามหัวเอาความดีมาเป็นของตนเอง เพราะ คุณธรรมข้อนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของธุรกิจคุณในอนาคต จงอย่าหลงคิดว่าตนนั้นเก่งแต่เพียงผู้เดียว เพราะธุรกิจเครือข่าย ไม่ใช่การทำงานของคนๆเดียว หากคุณหลงผิดในข้อนี้ คุณเองจะเป็นผู้ที่ต้องทำงานหนัก และเมื่อไม่ประสพความสำเร็จคุณก็จะกลับมาโทษคนอื่นและต้องเริ่มต้นหลอกลวงตนเองและคนอื่นอยู่ร่ำไป

การทำงานที่ดีควรแบ่งเวลาในการศึกษาหาความรู้มาแบ่งปัน และควรแบ่งเวลาส่วนหนึ่งในการศึกษาคุณธรรมในการทำงานด้วย เพื่อไม่ให้หลงออกไปนอกทางจนหลงทางในที่สุด ในที่นี้ อยากแนะนำหนังสือชื่อ ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า ของ อ.ษิริพงษ์ อัครศรียุกต์ ผู้ที่พลิกความล้มเหลวจนประสพความสำเร็จมากมาย จากการใช้คุณธรรมนำชิวิตและธุรกิจของท่านเอง

บทที่ 15 MLM School การคัดเลือกเครือข่ายมาทำงานอย่างไรให้มั่งคั่ง (ตอนจบ)

มาต่อเรื่องกราฟกันค่ะ

คุณเคยสังเกตไหมคะว่าคนที่มีรายได้ 7 หลักเขาเริ่มธุรกิจเครือข่ายกันตอนไหน..... คำตอบค่ะ แทบจะทั้งหมดก็ตอนบริษัทเปิดตัวหรือกำลังจะเปิดตัวนั่นละค่ะ และนั่นย่อมหมายความว่า ถ้าคุณต้องการรายได้มหาศาลคุณก็ต้องเริ่มก่อนที่ธุรกิจจะถึงจุดที่ 1 ในกราฟ แล้วถ้าคุณไปเริ่มช่วงที่คน 80 % คนเข้ามาละคะ หมายถึงคุณอาจจะยังมีรายได้บ้างหรือไม่ได้บ้างอยู่ที่ความสามารถและความขยัน ทั้งนี้รวมถึงเครื่องมือหรือระบบทำการตลาดที่มาช่วย ช่วงนี้มีการแข่งกันกันเองในเครือข่ายสูงมาก แต่การที่คุณจะมั่งคั่งสร้างมีรายได้ให้ได้ถึง 7 หลักจะยากมาก คุณต้องมีความสามารถพิเศษที่เหนือกว่าชาวบ้านมาก (อย่าเพิ่งถอดใจค่ะ คุณอาจจะมีนะ) สำหรับคนที่เริ่มผ่านจุดที่ 2 ไปละ เมื่อผ่านจุดนี้ไปการทำธุรกิจสำหรับคนใหม่จะยากมากค่ะ ส่วนมากจะเข้ามาเป็นผู้บริโภค ไม่ค่อยมีรายได้กันเท่าไหร่ บางคนก็มีรายได้บ้างถ้ามีความพยายามมากกว่าแต่ก็ต้องขายๆๆๆๆๆ พูดๆๆๆๆๆๆ แต่โอกาสที่จะร่ำรวยแทบจะไม่มีเลย เคยเจอ upline ที่มีรายได้แตะแสนในธูรกิจนึงตอนทำ แต่โห เค้าทำงานหนักนะคะ หยุดไม่ได้ เค้าบอกว่าได้ แต่เค้าก็หยุดได้แค่พักร้อน ไม่เกินเดือน แล้วก้อต้องมาลุยกับลูกทีมอีก บางท่าน ลูกทีมหายหมด ก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่อีกค่ะ เฮ้อ ทุกวันนี้ก็ยังเห็นเค้าเหนื่อยอยู่เลย แต่หากว่าคุณเป็นยอดมนุษย์จริงๆ หรือคุณสามารถสวนกระแสในความซบเซาได้คุณก็จะทำสำเร็จได้ค่ะ

ก่อนอื่นสิ่งแรกที่คุณต้องเข้าใจคือ ทุกบริษัทเครือข่าย ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครบอกว่าบริษัทตัวเองแย่หรอกค่ะ ถ้าจะชวนคนเข้าร่วม

ไฮไลท์ตอนนี้ก็คือ คุณจะต้องรู้ให้ได้นะคะว่า ธุรกิจที่คุณจะเลือกกราฟธุรกิจอยู่ในช่วงไหน ถ้าคุณอยากมีรายได้มหาศาลแบบเร็วกว่า (พยายามหาข้อนี้ให้ได้นะคะ) เพราะการเลือกผิดจุดนั่นคือโอกาสที่เหลือของคุณ บริษัทที่มีคนรายได้ 7 หลักจำนวนมากที่เขาพยายามนำเสนอ หรือบริษัทที่เปิดมายาวนานแล้วในบ้านเรา สองสิ่งนี้ก็กำลังบอกอะไรกับท่านเกี่ยวกับโอกาสร่ำรวย น่าจะพอเข้าใจแล้วนะคะ และที่สำคัญคุณต้องมองไปที่บริษัทด้วยนะคะ ว่าตัวบริษัทเองนั้นมั่นคงแค่ไหน ดูจากองค์ประกอบที่คนที่ชวนคุณบอกมานั่นแหละค่ะ เช่น อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหนเป็นต้น รวมไปถึงแผนการจ่ายเงินอันนี้ต้องดูด้วยว่ามีการเอื้อกันในการเป็น upline และ downline หรือไม่ เพราะบางที่แค่ fast start เค้าก็ปล่อยคุณทันทีหลังสมัครคุณได้ก็มี และที่สำคัญก็คือผลิตภัณฑ์ ***ถามตัวเองก่อนนะคะว่า ผลิตภัณฑ์แบบนี้ ถ้าคุณไม่มีรายได้สักบาท คุณจะซื้อใช้ ซื้อกินไหมคะ ถ้าคำตอบคือไม่ คนอื่นเขาก็คงไม่ต่างจากคุณนั่นแหละค่ะ นั่นหมายถึงว่า ธุรกิจนั้นเมื่อถึงจุดอิ่มตัว หันซ้ายขวา หน้าหลังก็มีคนทำแล้ว จะรับสมัครคนยากขึ้นหรือขายของยากขึ้น และเมื่อทำยาก ถ้าคนใหนไม่มีรายได้ เขาก็จะหยุดรักษายอด เมื่อเขาเห็นว่าผลิตภัณฑ์ไม่ได้จำเป็นกับชีวิต นั่นหมายถึงเครือข่ายที่จะล้มครืนแบบโดมิโน่ แล้วมันก็จะล้มจะถึงโดมิโน่ตัวสุดท้ายละค่ะ จากนั้นก็เริ่มไปนับหนึ่งกันใหม่

หลายคนเข้าใจกราฟนี้แต่เข้าใจไม่หมด**ว่ากราฟนี้มันสื่อถึงผลิตภัณฑ์ด้วย ถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจน ***ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของไม่จำเป็นกับการดำเนินชีวิต เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่น สุดท้ายเครือข่ายก็จะจบลงเมื่อถึงจุดอิ่มตัว สิ่งที่คุณทุ่มเทก็จะจบไป ทีนี้เข้าใจหรือยังคะว่า ทำไมบางเครือข่ายดังๆก็ยังล้มไป

แล้วข้อดีของการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing จะมาช่วยอะไรได้ไหม ตรงนี้ตอบว่าได้แน่นอนค่ะ เพราะเราทำการตลาดด้วยการแบรนด์ตัวเราเอง ต่างจากที่อื่นที่พากันแบรนด์บริษัทหรือแบรนด์ผู้นำ ผู้คนจะรู้จักคุณในฐานะมืออาชีพที่พวกเขาอยากร่วมทีมด้วย และคุณยังมีระบบฐานข้อมูลของคนที่ต้องการความสำเร็จที่คุณจะให้ข้อมูลอะไรกับเขาก็ได้ คุณมีความสัมพันธ์กับเขาเพราะเขารู้จักคุณในฐานะคนรู้จัก (จากระบบติดตามผลแบบอัตโนมัติ หรือ Email Marketing จำได้มั๊ยคะ) และความเป็นมืออาชีพทางด้านเครือข่าย ซึ่งถ้าธุรกิจมันแย่ที่สุดคือ เครือข่ายล้ม (หากคุณว่าเลือกดีแล้วมันยังเกิดน่ะนะคะ) แต่จากการทำการตลาดแบบดึงดูดของคุณ ถึงเครือข่ายจะล้มหายไปคุณก็ยังสามารถเอาคืนหรือสร้างสายงานได้ใหม่ในระยะเวลาอันรวดเร็วมากกับบริษัทใหม่ๆที่คุณเลือกนั่นเอง เพราะคุณจะมีคนติดสอยห้อยตามคนที่เขามั่นใจด้วยเสมอ อย่างที่เขามั่นใจในตัวคุณนั่นเองค่ะ

แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดหากคุณมีระบบที่ยอดเยี่ยมแล้ว คุณก็ควรเลือกบริษัทที่ยอดเยี่ยม ที่มีทั้งโอกาสที่มั่งคั่ง แผนการตลาดดีเยี่ยม และผลิตภัณฑ์ที่หากคุณถามตัวเองว่า ถ้าคุณไม่มีรายได้สักบาทกับบริษัทนี้ คุณจะยังซื้อกินซื้อใช้ไหม และพิจารณาจากความมั่นคงของบริษัทเช่นกัน

สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

กุสุมา สาตราภัย
CEO - MLM School Online

บทที่ 14 MLM School การคัดเลือกเครือข่ายมาทำงานอย่างไรให้มั่งคั่ง

มาถึงบทที่ 14 แล้วนะคะ ทีนี้หลายคนคงเริ่มเข้าใจการตลาดแบบดึงดูดกันพอสมควรแล้วนะคะ คราวนี้มาดูวิธีในการเลือกเครือข่ายอย่างไรให้ร่ำรวยกันบ้าง สำคัญนะคะเนี่ย เพราะอย่างแย่ที่สุดก้อคือเลือกเครือข่ายยังไงให้ทำแล้วสำเร็จได้บ้าง อ่ะนะไม่ใช่มีแต่เจ๊งกับเจ๊งเหมือนที่เคยเป็นกัน ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยล้มเหลวมาก่อน ไม่ได้ตังค์ จริงๆก้อได้นะคะ แต่บริหารไม่เป็น ประกอบกับการผลีผลามออกจากงานเลยล้มเหลวช่วงนั้น จนตอนนี้ดิฉันเองเพิ่งมาได้เรียนรู้อย่างมากมายจากคนที่ตั้งใจสอน และให้จริงๆ ดิฉันเลยมาหูตาสว่างและคลิ๊กอะไรบางอย่างเมื่อต้นปี 52 นี่เองค่ะ (Upline ที่แสนดีของดิฉันบอกว่า คนที่ประสพความสำเร็จกับเครือข่ายต้องหมายถึงคนที่มีรายได้อย่างน้อย 5 แสนบาทต่อเดือนขึ้นไปค่ะ!!)

วันนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าถ้าจะเลือกธุรกิจเครือข่ายเราต้องมองที่อะไรก่อนอะไรหลัง บางคนทำเครือข่ายมาเป็นสิบๆปีก็ยังเลือกเครือข่ายไม่เป็น แล้วก็ยังล้มเหลวอยู่นั่นละทำไม่สำเร็จสักที หรือบางคนทำได้สำเร็จระดับสูงมาก สุดท้ายก็ต้องมานับหนึ่งใหม่ในไม่กี่ปีเพราะบริษัทและสายงานล้มไป โดยที่ก็ยังไม่เข้าใจการเลือกเครือข่ายอยู่ดี ทำให้ต้องเริ่มต้นทำงานหนักใหม่อีกเรื่อยๆ จากการเลือกเครือข่ายไม่เป็นนั่นเอง นั่นหมายความว่า หากคุณเลือกเครือข่ายไม่เป็นคุณก็อาจจะหมุนวนมาเริ่มนับหนึ่งอยู่เรื่อยๆ จนไม่ได้เกษียณอย่างที่เค้าคุยไว้เสียที หรือท่านอาจจะล้มเหลวตลอดไป!!! (อันนี้น่ากลัวค่ะ ขอบอก)

1. เลือกที่วิธีทำธุรกิจ และวิธีทำการตลาดก่อนเลยค่ะ
2. เมื่อเห็นวิธีทำธุรกิจแล้ว ถ้าอยากมั่งคั่งต้องมองโอกาสเติบโตโดยต้องดูไปที่
-แผนการตลาดเอื้อแค่ไหน
-มองที่ผลิตภัณฑ์ว่าเป็นอย่างไร
-มองที่ความมั่นคงของตัวบริษัทค่ะ

มาขยายความกันค่ะ

ข้อที่ 1 เลือกที่วิธีทำธุรกิจหรือวิธีทำการตลาด ข้อนี้สำคัญมากที่สุด หลายคนที่ทำเครือข่ายติดหลุมพรางการล่อหลอกจากการที่เค้านำคนที่มีรายได้จำนวนมหาศาล มายืนเรียงกัน ใช้บรรยากาศของห้องกระตุ้นเร้า ใช้การชักแม่น้ำทั้ง5 ทำให้คล้อยตามและจิตนาการที่ฝันเฟื่องไปกันใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อออกจากห้องประชุมก็ถูกเร่งเร้าให้รีบตัดสินใจสมัครและเริ่มสต๊อกสินค้า แล้วเผลอก็ถูกลอยแพทันที ไม่มีคนสอนงาน ไม่มีคนพาทำงาน สินค้าก็ขายไม่ได้ แนะนำใครก็ไม่สนใจ บางทีพาทำงานบ้างแต่ก็เป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เช่น เค้าบอกให้คุณลิสต์รายชื่อคน 100 คนเพื่อโทรไปแนะนำสินค้า หรือไปแนะนำธุรกิจ พร้อมกับคำขู่ว่า “ถ้าไม่รีบโทรหาคนรู้จัก อาจจะมีคนรู้จักไปทำกับคนอื่น หรือซึ้อสินค้ากับคนอื่นนะ” แล้วคุณเองล่ะ ชอบมั๊ยเวลาเพื่อนฝูงที่ไม่เคยโทรติดต่อกันมานาน โทรมาคุยเรื่องขายของกับคุณ เค้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันค่ะ และคุณเองจะทนการถูกปฏิเสธได้มากหรือนานแค่ใหนก่อนหมดไฟและเลิกทำ

ดังนั้นการเลือกวิธีทำการตลาดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด สิ่งที่คุณต้องดูก่อนเป็นอย่างแรกเครือข่ายที่คุณจะทำเป็นเครือข่าย เซลล์แมนหรือเครือข่ายผู้บริโภค

เครือข่ายเซลล์แมนก็คือ เครือข่ายที่ต้องมีการขายสินค้าเป็นหลักและใช้การขยายธุรกิจออกไป ข้อดีก็คืออาจจะมีรายได้จากการขายของ ข้อเสียคือ การจะได้รายได้ตามกฎเกณฑ์ของบริษัทต้องมียอดที่สูงมาก นั่นหมายความว่าคุณต้องขายมากนั่นเอง (มาถึงตรงนี้ คุณต้องถามและตอบตัวเองก่อนว่าชอบขายของหรือไม่นะคะ)

แต่สำหรับเครือข่ายผู้บริโภค จะเน้นการขยายเครือข่ายผู้ใช้สินค้าอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องขายของ ข้อดีก็คือถ้าต้องการรายได้ตามเกณฑ์การรักษายอดจะไม่สูงมาก และถ้าสินค้าเป็นที่ต้องการอยู่แล้วก็อาจจะนำไปขายได้อีกเหมือนกัน ถามตัวเองก่อนว่าคุณชอบเครือข่ายประเภทไหน

หลังจากนั้นเมื่อเข้าใจประเภทเครือข่ายแล้ว ดูต่อไปว่า คนที่มาแนะนำคุณเขาทำการตลาดอย่างไร ไม่ต้องสนใจสิ่งสวยหรูที่เขามาแนะนำ แม่น้ำทั้ง 5 สายที่ไหลมาบรรจบกันที่ปากเขาก็เหมือนกัน คุณต้องการทำแบบเขาคนนั้นไหม เพราะถ้าคุณมัวแต่หลงกับแผนการจ่ายรายได้ จ่ายเงินเยอะที่สุดในจักรวาล แจกโน่นแจกนี่มากที่สุด มีคนรับรายได้หลักล้านมากที่สุด บริษัทยิ่งใหญ่ที่สุด ผลิตภัณฑ์ขายตัวเองได้ แต่ถ้าคุณสมัครใครร่วมเครือข่ายไม่ได้เลย มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่ไหมคะ หรือถ้าหากคุณขายของไม่ออกสักชิ้น และต้องกินเองใช้เองจนหมด คุณจะไม่เจ๊งหรือคะ เพราะถ้าคุณไม่ชอบวิธีทำการตลาดแบบนั้น สุดท้ายคุณก็จะแพ้ความอยากสบายของตัวเอง ไม่เอาแล้ววันนี้ขอนอนดีกว่า ดูทีวีดีกว่า ทำนู่น นี่ นั่นก่อนดีกว่า เพราะคุณกำลังทำการตลาดแบบฝืนธรรมชาติของตัวเอง อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วในบทความก่อนหน้างัยคะ

และข้อ 2 เมื่อเข้าใจวิธีทำการตลาดแล้วขอย้ำนะคะ ว่าคุณต้องเข้าใจวิธีทำการตลาดก่อนว่าเราต้องการทำแบบนั้นจริงๆเท่านั้นในการทำการตลาดแบบนี้ หลังจากนั้นต้องเข้าใจ กราฟช่วงชีวิตของธุรกิจเครือข่าย ตามรูปที่เห็น ถ้าคุณไม่เข้าใจกราฟนี้อย่าคิดทำเครือข่ายเด็ดขาด ข่าวร้ายสำหรับบ้านเราก็คือ 99.99% ของนักธุรกิจเครือข่ายไม่เข้าใจกราฟนี้หรือเข้าใจก็เข้าใจไม่หมด วันนี้จะขออธิบายให้ฟัง คุณล้างความเข้าใจเก่าของคุณทิ้งไปก่อนนะคะ


-กราฟบอกอะไรเราบ้าง อย่างนี้นะคะ ในตอนที่ธุรกิจเริ่ม จะมีคนเข้าร่วมยังน้อยคนอยู่ ดังนั้นการเติบโตยังไม่ดีเท่าที่ควร ต้องใช้เวลาในการวอร์มตัวและสร้างผู้นำในธุรกิจเครือข่าย แต่เมื่อผ่านจุดที่ 1 ปรากฎว่ามีคนจำนวนมากเข้ามาร่วมและคนก็หลั่งไหลกันเข้ามาเรื่อยๆ 80% ของคนที่ทำธุรกิจจะเข้าร่วมช่วงนี้ เมื่อผ่านจุดที่ 2 ธุรกิจจะเริ่มเป็นที่รู้จักซึ่งไม่ว่าคุณจะหันซ้ายหันขวา หรือหน้าหลังก็เจอคนที่เขาทำหมดแล้วหรือว่ารู้จักหมดแล้ว และช่วงนี้จะเป็นการรักษาระดับของธุรกิจค่ะ


มาถึงตรงนี้ ทราบมั๊ยคะ ว่าดิฉันกำลังกำลังจะสื่ออะไร ต้องอ่านตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ


และถ้าคุณสนใจที่จะอบรมเพิ่มเติมกับ การมองหาธุรกิจดี การทำงานแบบดึงดูด หรือ Attraction Marketing เพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ


กุสุมา สาตราภัย
CEO - MLM School Online

วันศุกร์

บทที่ 13 นิทานสนุกๆกับการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing สิ่งที่ Upline ก็ยังไม่รู้ ภาค 2 (ตอนจบ)

มาต่อกันกับนางสาวหวังรวยค่ะ

และแล้ว เมื่อได้เริ่มเรียนรู้งานจากนายเก่งกาจ นางสาวหวังรวย กลับประหลาดใจเมื่อได้พบว่านายเก่งกาจก็ไม่ได้สอนอะไรพิเศษมากไปกว่า ที่คนแนะนำท่านเดิมแนะนำ!! สิ่งที่นางสาวหวังรวย ได้พบมากขึ้นก็คือ หลายครั้งเมื่อขอความช่วยเหลืออะไรก็ตาม นายเก่งกาจ ก็จะไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือสักท่าไหร่ "หรือเพราะเขามีตำแหน่งใหญ่โต เลยติดธุระค่อนข้างบ่อย งานคงยุ่งมาก" นางสาวหวังรวย พูดกับตัวเอง และตัดสินใจไปหาที่บ้านอันหรูหราของนายเก่งกาจ แล้วก็เลยยิ่งแปลกใจไปใหญ่ “โอ้ว นายเก่งกาจ กำลังไดรฟกอล์ฟ สบายใจเฉิบ มีเพื่อนดูมีสตางค์ และเคยเห็นในองค์กรณ์ นั่งจิบไวน์พูดคุยอย่างมีความสุข” นางสาวหวังรวย ตัดสินใจเดินเข้าไปทัก และพยายามคุยปัญหาที่เธอเจออยู่ และมีคนสนใจธุรกิจที่เธอต้องการให้นายเก่งกาจ ช่วยเหลือเธอด่วน ไม่งั้นเดือนนี้เธอจะไม่มีเงินรักษายอดและรายได้ไม่เกิดแน่ๆ นายเก่งกาจกลับบอกว่า ให้เธอกลับไปก่อนแล้วกัน และเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป เธอกลับออกมาจากบ้านนายเก่งกาจ และเริ่มรู้สึกเสียใจนิดๆ หลังจากนั้นนายเก่งกาจก็ไม่ติดต่อหาเธอตามที่บอกเสียด้วย

เมื่อถึงช่วงงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ นางสาวหวังรวยได้ชวนคนเข้าในงานประชุมได้ 3 ท่านทั้งที่แสนจะลำบากในการชวนเพราะชวนมาเป็น 20 กว่าคนแต่มาแค่ 3 คน (ชวนเก่งนะเนี่ย) แต่เธอก็ดีใจที่มีคนมาได้ ทั้ง 3 คน มี 2 คนเป็นนักศึกษาที่อยากหารายได้เพิ่ม และอีกคนเป็นพนักงานประจำที่อยากออกจากงานเพราะอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง (คุ้นๆกันไหมคะ?) หลังจากได้ฟังงานประชุมจนจบ ทุกคนต่างก็ทยอยกันกลับ ส่วน 3 คนที่ร่วมประชุมไม่มีใครสมัครกับเธอเลย นักศึกษาทั้ง 2 คนบอกว่าไม่มีเงินค่าสมัคร ส่วนอีกคนบอกว่ายังไม่พร้อมตอนนี้หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านไป นายเก่งกาจได้จัดงานเลี้ยงยินดีให้กับสมาชิกในทีมที่ได้ขึ้นตำแหน่งใหม่ๆ โดยได้เชิญคนที่เป็นต้นๆสายของธุรกิจของเขาเข้ามาในงานเลี้ยง รวมไปถึงทีมงานติดตัวของเขาเองเข้ามาในงานด้วย นางสาวหวังรวยก็ได้รับเชิญ และเธอก็แปลกใจมาก เพราะได้พบว่าคนที่เธอเคยชวนเข้าอบรมที่โรงแรมหนก่อนนั้นก็มาด้วย และได้ถามคนที่เป็นไซด์ไลน์ที่มางานด้วยกัน เขาบอกว่า "อ้อเป็นทีมงานใหม่ของพี่เก่งกาจเขา"....

**เฮ้อ นี่เป็นแค่เรื่องสมมติ ไม่เกี่ยวกับ บุคคล สถานที่หรือ อะไรก็ตามนะคะนิทานเรื่องนี้บอกอะไรกับเราบ้างล่ะ

- คนที่มีรายได้มหาศาลกับเครือข่าย เขาอยู่ในการตลาดดึงดูด ...โดยอัตโนมัติ ทั้งที่ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม และที่ใครๆ ก็อยากเข้าร่วมเพราะมั่นใจว่าเขาจะพาสำเร็จแน่ๆ (อ้าว นางสาวหวังรวยล่ะ?)

- ข่าวไม่สู้จะดีคือ คนที่เขามีรายได้มหาศาลเหล่านั้นแทบทุกคนไม่มีระบบที่เอื้อให้ทุกคนสำเร็จ (ไม่งั้นนางสาวหวังรวยคงไม่ต้องเข้าไปถามถึงบ้านใช่ไหมคะ)- ข่าวร้ายคือ คนเหล่านั้นเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่าเขาอยู่ในการตลาดดึงดูดที่ใครๆก็อยากเข้าร่วมกับเขา (เน้นค่ะ เน้น)

- ข่าวร้ายกว่า คนเหล่านั้นไม่สามารถที่จะสอนทีมงานให้เข้าใจการตลาดดึงดูดและเป็นแบบเขาได้ (ก้อบอกแล้ว หนูไม่รู้...)

- ข่าวร้ายยิ่งกว่า ธรรมชาติของคน ยิ่งร่ำรวยขึ้น คนจะยิ่งเหนื่อยง่ายขึ้น ทำงานหนักได้น้อยลง ความพยายามลดลง (ไดรฟกอล์ฟ จบไวน์ดีกว่า)

- ข่าวร้ายที่สุด เขาจะสอนให้คุณทำสิ่งที่เขาอยากให้คุณทำและเขาไม่เคยทำ และผลักไสให้พยายามในสิ่งที่คุณไม่ชอบมากที่สุด (เค้าเคยไปยืนแจกใบปลิวกับคุณมั๊ยเล่า ที่คุณคิดว่าเค้ายุ่งน่ะ)

และ สุดท้าย...

- จงอย่าแค่มองธุรกิจเครือข่ายใดๆ แค่เพราะหลงในบางอย่างที่สวยงาม ไม่ว่าจะได้ยินว่า มีแผนง่ายที่สุดในโลก จ่ายมากที่สุดในจักรวาล บริษัทสุดยอดเบอร์หนึ่ง แจกโน่นแจกนี่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ลองนับดูนะคะ ว่ากี่คนที่ได้จากจำนวนผู้ที่ทำธุรกิจเท่าไหร่ เช่น สิบจากหลายหมื่น เท่ากับคุณต้องสร้างเท่าไหร่?) หรือ มีคนมีรายได้มหาศาลมากที่สุดในโลก ถามตัวเองก่อน คนมาแนะนำเขาทำการตลาดอย่างไร เราอยากทำอย่างนั้นไหม ถ้าอยากทำงานแบบนั้น ก็เยี่ยมเลยค่ะ คุณกำลังพบทางสว่าง แต่ถ้าไม่ ให้รีบถอยออกมา เพราะถ้าคุณเข้าไปคุณก็จะเจอการทำตลาดที่ฝืนความรู้สึกตัวเองทันที สุดท้ายก็จะล้มเหลว เพราะคุณจะพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เช่น อันนี้ตัวเองนะคะ ไม่เอาล่ะ ไม่อยากไปแจกใบปลิว เขิน ไม่อยากไปคนเดียว เป็นต้น

ดังนั้น ดิฉันก็ยังขอย้ำกับคุณๆอยู่นั่นเองว่า การตลาดดึงดูดก็คือการตลาดรูปแบบเดียวกันกับคนที่เขามีรายได้มหาศาลเป็นอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เขาไม่รู้ตัวเอง และนั่นหมายถึงคุณเองที่ได้อ่าน blog นี้มาโดยตลอด กำลังได้รู้วิธีการดึงดูดคนให้เข้ามาร่วมกับธุรกิจกับคุณเหมือนกับคนที่เขามีรายได้มหาศาล เพราะเหตุผลที่คนอยากร่วมเครือข่ายกับคุณ ก็ต้องเพราะว่าเค้ามั่นใจว่าคุณจะพาให้เขาพบความสำเร็จแน่ๆ แล้วทำไมคนที่ทำการตลาดแบบนี้จะไม่สำเร็จล่ะคะ

และถ้าคุณสนใจที่จะอบรมเพิ่มเติมกับ การตลาดแบบ Attraction Marketing ทางออนไลน์แบบฟรีๆ ไม่ต้องไปอบรมตามโรงแรมอย่างนางสาวหวังรวย แจ้งชื่อ อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ของคุณมาได้ที่ ohmandy1@gmail.com นะคะและหากต้องการทราบวิธี การทำเครือข่ายแบบถูกต้อง สามารถเข้ามากรอกข้อมูลซึ่งเราก็จะส่งให้คุณฟรีเช่นกัน ที่ http://stop-failure-mlm.com ค่ะ สามารถติดตาม blog ได้อีกที่ http://kusumamlmexpert.com ด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดี

บทที่ 12 นิทานสนุกๆกับการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing สิ่งที่ Upline ก็ยังไม่รู้ ภาค 1

คุณๆที่เข้ามาเริ่มและเรียนรู้การทำงานเครือข่าย เคยสงสัยมั๊ยคะ ว่าคนที่มีรายได้มหาศาลในงานเครือข่ายที่เราทำอยู่ ทำไมเค้าถึงรับสมัครคนเข้ามาร่วมธุรกิจได้ง่ายนัก ทั้งๆเราเองพยายามมากมาย ดูจะมากกว่าเค้าด้วยซ้ำ ทั้งแจกใบปลิว เดินทำแบบสอบถาม พูดคุยกับคนไม่รู้จัก สารพัด แต่...ก็ยังไม่เห็นจะได้ผลลัพท์แบบเค้าเลย??

มีนิทานสนุกๆให้ฟังค่ะ เรื่องที่ผู้นำเค้าไม่เล่ากันนะคะ อ่านดูจะรู้ว่าทำไมเค้าไม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

นายเก่งกาจแล้วกันนะคะ ได้เริ่มทำธุรกิจเครือข่ายหนึ่ง โดยเริ่มตั้งแต่แรกที่ธุรกิจนั้นเข้ามาในประเทศเลย และเมื่อเวลาผ่านไปไปหลายปี จากองค์กรณ์เครือข่ายเล็กๆของเค้า ได้กลายเป็นองค์กรณ์ใหญ่โต และนายเก่งกาจ กลายเป็นคนที่มีรายได้มหาศาล 7-8 หลักทุกเดือน และเนื่องจากได้ผลลัพธ์กับองค์กรที่ใหญ่โตขึ้น นายเก่งกาจ จึงได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษ ในงานประชุมของบริษัทที่จัดตามโรงแรมต่างๆบ่อยๆ (คุ้นๆแบบที่คุณเคยเข้าไปฟังมั๊ยคะ?) และในฐานะผู้ที่สำเร็จกับเครือข่ายและมีรายได้มหาศาล ทุกคนต่างก็ชื่นชมในความสามารถ ชื่อของนายเก่งกาจจึง เป็นที่กล่าวขาน ทั้งในห้องประชุมและทางช่าวสารต่างๆ รวมไปถึงอินเตอร์เนท เป็นคนที่หลายๆคนทั้งในและนอกองค์กรณ์อยากเป็นอย่างเค้าให้ได้วันนั้นให้ห้องประชุม

นางสาวหวังรวย (ตั้งชื่อซะ มีใครไม่อยากรวยล่ะ) ซึ่งเป็นผู้มุ่งหวังของผู้ทำธุรกิจคนนึงที่อยู่ลำดับลึกมาก ในองค์กรของนายเก่งกาจ ได้ประทับใจในตัวของนายเก่งกาจอย่างมาก ด้วยการที่นางสาวหวังรวย เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงนางสาวหวังรวย ได้มองเห็นว่าถ้าร่วมเครือข่ายกับคนที่เขาแนะนำเข้ามาชมวันนี้คงมีโอกาสสำเร็จน้อย และน่าจะดีมากถ้าได้ร่วมกับนายเก่งกาจ นางสาวหวังรวย เลยตัดสินใจที่จะไม่ร่วมกับนักธุรกิจที่เชิญมาท่านนั้น (เอาล่ะสิ) แล้วเริ่มต้นหาข้อมูลชื่อ เบอร์โทรของนายเก่งกาจทันที ในอินเตอร์เน็ต และก็ได้เบอร์โทรสมใจ นางสาวหวังรวย โทรหาทันทีและบอกว่าอยากเข้าร่วมธุรกิจกับนายเก่งกาจ เนื่องจากไม่รู้มาก่อนว่านางสาวหวังรวย เคยเป็นผู้มุ่งหวังของทีมงานตัวเอง และเห็นว่านางสาวหวังรวย คุณสมบัติที่ดีหลายอย่าง (กระตือรือร้นจริงๆ) นายเก่งกาจเลยตัดสินใจรับสมัครติดตัวเองทันที นางสาวหวังรวย เองก็ดีใจมากที่ได้ร่วมทำธุรกิจติดตัวกับคนที่มีรายได้มหาศาล

อ่ะนะ อยากอ่านต่อมั๊ยคะ เดี๋ยวมีลุ้นค่ะ ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
และ
ถ้าสนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ

วันศุกร์

บทที่ 11 การคัดเลือกคนเข้าร่วมธุรกิจการตลาดแบบดึงดูด attraction marketing

ทุกๆท่านคงทราบแล้วนะคะว่าหัวใจของการตลาดเครือข่ายแบบดึงดูดหรือ Attraction Marketing นั้นคือ การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเรากับคนที่สนใจ เพราะเมื่อคนเห็นความเป็นมืออาชีพของเรา และเขาเห็นว่าเราสามารถพาให้เขาสำเร็จได้ เขาก็อยากจะร่วมกับเรา แต่เมื่อมาถึงตอนนี้หน้าที่ของเราก้อคือ การคัดเลือกว่าใครบ้างที่เราต้องการให้ร่วม!!! ย้ำว่าคัดเลือกนะค่ะ ฟังดูดีกว่าการเที่ยวไปง้องอนหรือควานหาใช่มั๊ยคะ?และเรายังสามารถทำอะไรบางอย่างก่อนคัดเลือกได้อีกก็คือ เราสามารถให้ข้อมูลว่าการทำธุรกิจเครือข่ายให้สำเร็จทำได้อย่างไร เขาควรทำงานอย่างไร และระบบเป็นแบบไหนบ้างที่จะเอื้อให้เขาสามารถทำได้สำเร็จจริงๆ แบบเข้มข้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เขาต้องการร่วมกับเรา ได้เห็นด้วยว่าหากเขาต้องการเข้าร่วมกับเรา หน้าที่ของเราคือ การเลือกคนที่เราต้องการให้ร่วม
การคัดเลือกคนเข้าร่วมเครือข่ายกับเรานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกคนรักนั่นแหละค่ะ นั่นคือเราอาจจะต้องดูหลายๆคุณสมบัติเช่น เขาตั้งใจแค่ไหนที่จะเข้าร่วม เพราะบางคนแค่แวะเข้ามาดูเพื่อจะได้รู้อะไรบางอย่างที่เราทำอยู่ หรือ บางคนอาจจะแค่อยากจะรู้แต่ไม่ต้องการเข้าร่วมกับเราจริงๆ เขาจะเข้าใจการตลาดแบบที่เราทำได้แค่ไหน เขามั่นใจได้อย่างไรว่าระบบทำงานแบบนี้มันจะเอื้อให้สำเร็จ ทัศนคติเขาเป็นอย่างไรบ้าง มีทักษะตรงตามที่เราต้องการไหม รวมไปถึงเรื่องความพร้อมด้านการลงทุนส่วนบริบทของเราในการคัดคนหรือสัมภาษณ์ ก้อไม่ต่างอะไรจากการคัดเลือกคนเข้ามาทำงานในบริษัท (ซึ่งเรามีธุรกิจเป็นบริษัทของเรานั่นเอง) คือเราต้องชัดเจนกับตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนเลือกเขา ไม่ใช่ให้เขามาเลือกเรา โดยถ้าหากว่าก่อนทำการคัดเลือกคุณคิดว่าสิ่งที่คุยกำลังเป็นลักษณะการโน้มน้าวนั่นคือคุณกำลังพยายามง้อคนที่คุณสัมภาษณ์อยู่ พยายามชักจูงอยู่ เมื่อคนเขามองว่าตัวเขาเองสามารถเลือกหรือไม่เลือกเราก็ได้ เขาจะเป็นคนถือไพ่ที่เหนือกว่าทันที นั่นหมายถึงการล้มเหลวในการสัมภาษณ์อย่างสิ้นเชิง อย่าลืมนะคะ ว่าตอนนี้ การสัมภาษณ์ของเราคือ การคัดคนที่ใช่ เพื่ออนุญาติให้เขาเข้าร่วมธุรกิจกับเราหรือไม่ ถ้าเขาถือไพ่เหนือกว่า นั่นคือคุณไม่มีสิทธิ์คัดคนที่ใช่ หรือคนที่พร้อมจะลงมือทำธุรกิจกับคุณได้เลย
สิ่งที่อยากแนะนำสำหรับคุณๆที่ทำการตลาดแบบดึงดูดคือ คุณต้องแฝงการตลาดแบบปฎิเสธคนในนั้นด้วย หมายถึงหากเขายังลังเลถามว่าแล้วจะได้กำไรเมื่อไหร่ ให้คุณระบุเวลาให้ได้ คนแบบนั้นเป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเรารับเขาเข้ามาร่วมธุรกิจกับคุณ เพราะเขายังไม่เข้าใจถึงการทำธุรกิจซึ่งเหมือนกับการเลี้ยงลูกว่า กว่าลูกจะกลับมาเลี้ยงดูเรา เราต้องป้อนข้าวป้อนน้ำและสั่งสอนลูกอย่างไร กว่าลูกจะโตและมาเลี้ยงดูเรา เช่นเดียวกับธุรกิจ หากไม่ลงมือทำอะไร ธุรกิจจะกลับมาคืนกำไรให้ได้อย่างไร และนั่นคุณก็ควรปฎิเสธทันทีอย่าเสียดาย เพราะการรับคนเหล่านี้เข้ามาก็คือ การได้คนที่ไม่ใช่มาร่วมธุรกิจและโอกาสที่จะล้มเหลวสูง แม้ว่าการทำงานจะง่ายเท่าใดก็ตาม และตัวคุณเองก็จะเสียเวลาในการดูแลคนเหล่านี้มากผิดปกติ
หลังจากที่คุณได้ทำการแบรนด์ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น คุณจะเข้าสู่สถานการณ์การทำงานแบบนี้คือจะมีคนมาขอสัมภาษณ์เพื่อจะเข้าร่วมธุรกิจกับคุณอย่างสม่ำเสมอ ตัวคุณเองเพียงแค่คัดเอาคนที่ใช่ ตัวคุณจะเข้าสู่การทำธุรกิจแบบการตลาดดึงดูดเต็มตัวทันที แต่การที่คุณเองจะทำการตลาดแบบนี้ให้สมบูรณ์แบบ คุณต้องมีระบบการทำการตลาดที่เอื้อจริงๆ และทำให้คนรู้จักคุณในฐานะคนที่จะนำพาให้เขาสำเร็จ และคุณก็ต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเทียบการตลาดดึงดูดว่าเหมือนคนที่หน้าตาดี อาจจะมีคนมาให้คัดเลือกเป็นแฟนเยอะ แต่ถ้าเขารู้สึกว่าคุณดีแค่หน้าตาแต่นิสัยแย่ คงจะคบกันได้ไม่นาน เหมือนในการทำธุรกิจที่คุณต้องเป็นอย่างที่คุยจริงๆ คุณต้องทำอย่างที่พูดไว้ และต้องมีระบบสนับสนุนการทำงานเหมือนที่คุณบอกเขาจริงๆ
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะรับเขาเข้าร่วม คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของคนคือ สิ่งที่คนมองหาอย่างหนึ่งในการพูดคุยคือ เขาจะได้อะไรบ้างเมื่อร่วมกับเรา และเขาจะสูญเสียอะไรถ้าเขาไม่ได้ร่วม ในลักษณะไม่ใช่การชักจูง เป็นรายละเอียดสาระสำคัญที่ต้องเพิ่มเติม ให้กับเขาทราบ และคุณต้องสามารถพูดในสิ่งที่เขาจะสูญเสียหากไม่ได้เข้าร่วมธุรกิจนั้นๆกับคุณได้อย่างชัดเจน
มองเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าการตลาดแบบดึงดูดหรือ Attraction Marketing มีข้อแตกต่างในการที่จะได้คนที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมทำธุรกิจซึ่งแตกต่างจากการทำธุรกิจแบบเดิมๆอย่างสิ้นเชิง นั่นหมายถึงโอกาสคนที่คุณจะได้คนที่อยากเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณสูงมากอาจจะถึง 90% ซึ่งปกติคนทำเครือข่ายทั่วไปสำเร็จแค่ 0.01% และคุณยังจะเลือกเอาเฉพาะคนที่มีคุณภาพได้อีกด้วย การทำการตลาดแบบดึงดูดหรือ Attraction Marketing จะเป็นมุมมองใหม่ในการทำเครือข่ายในอนาคต เพราะทุกวันนี้คนทำเครือข่ายถูกมองในแง่ลบตลอดเพราะรูปแบบการตลาดเดิมๆที่ต้องไล่ล่าโทรศัพท์และกระหน่ำติดตาม (จิก) บางคนเสียเพื่อน เสียแฟน เสียญาติ เสียคนรู้จัก เขากำลังมองหาการตลาดรูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องรบกวนใคร และง่ายกว่า นั่นคือโอกาสของคนที่เริ่มการตลาดแบบดึงดูด Attraction Marketing แบบถูกวิธี ซึ่งจะประสพความสำเร็จในอนาคตมากกว่าคนทั่วไปทำค่ะ...
สนใจเข้ารับข้อมูลเพิ่มเดิมเพื่อคลายความล้มเหลวในเครือข่ายคุณ กับการตลาดแบบ Attraction Marketing รับข้อมูลทาง ออนไลน์ฟรี โดยสามารถกรอกข้อมูลได้ที่ http://stop-failure-mlm.com/ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://kusumamlmexpert.com/ ค่ะ
กุสุมา สาตราภัย
CEO MLM School